mindcyber 10 months ago

บุญเปลี่ยนชะตา

   หนึ่งพันกว่าปีมาแล้ว ในรัชสมัยเส้าซิง ราชวงศ์ซ่ง ชายคนหนึ่งแซ่หวัง ชื่อไท่เหอ เขาเกิดอยู่ในสมัยเดียวกับพระอาจารย์จี้กง  หวังไท่เหอ เป็นชาวหมู่บ้านซิงหลิง อำเภอซีหัง ชีวิตของเขาอาภัพตั้งแต่เยาว์วัย อายุได้เจ็ดขวบแม่ก็ตาย อายุได้เก้าขวบพ่อก็ตายไปอีกคนหนึ่ง หลังจากนั้นทรัพย์สมบัติทุกชิ้นก็ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของหมู่ญาติทั้งหลายเหลือแต่บ้านที่อาศัยจนเติบใหญ่เพียงหลังเดียว

    เมื่อหวังไท่เหออายุได้สิบหกปี มีความกล้าพอที่จะออกไปเผชิญโชคได้แล้ว  เขาก็จัดการขายบ้านหลังน้อยนำเงินมาเป็นกองทุนออกไปเร่ขายอุปกรณ์เครื่องเขียน เนื่องจากที่แห่งแรกที่หวังไท่เหอไปขาย เป็นถิ่นที่ผู้คนไม่ค่อยมีการศึกษา ทำให้การขายไม่ดี เขาจึงเดินทางต่อไปยังเมืองสงเจียงซึ่งเป็นที่ชุมนุมของสถานศึกษาต่างๆ หลายสำนัก ครั้งนี้สินค้าเครื่องเขียนของหวังไท่เหอขายดิบขายดี

    สามปีต่อมา เขาก็มีเงินเก็บถึงหกสิบตำลึง วันหนึ่ง ขณะค้าขายอยู่นั้น  เขาก็เห็นผู้คนห้อมล้อมวงกันเป็นกลุ่มใหญ่ ด้วยความแปลกใจจึงเบียดเข้าไปดู ก็เห็นว่าทุกคนกำลังรุมล้อมนักบวชหมอดูอยู่คนหนึ่ง ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าทายแม่นราวกับตาเห็น หวังไท่เหออยากรู้ชะตาชีวิตของตน จึงขอให้ดูบางนักบวชผู้นี้ไม่ใช่อื่นไกล ท่านคือผู้วิเศษจื่อเสีย แห่งเขาวั่นสง หรือนามจริงว่า หลี่หันหลิง นั่นเอง

     หลี่หันหลิง มองดูใบหน้าของหวังไท่เหอแล้วก็ต้องสะดุ้ง เพราะตามลักษณะราศีแล้ว  รูปศรีษะไม่ดี นัยน์ตาก็ไม่มีประกายชีวิต ที่สำคัญที่สุดคือ มีร่องแก้มเหมือนงูมาบรรจบปิดปาก หลี่หันหลิงจึงพูดแก่หวังไท่เหอว่า

     "ลักษณะหน้าตาราศีของท่านไม่ดี ซึ่งเราจะขอทำนายตามลักษณะของท่านว่า  อายุเจ็ดขวบต้องกำพร้าแม่ เก้าขวบกำพร้าพ่อ อายุสิบหกเข้าเกณฑ์ "ม้าวิ่งสาส์น" จะต้องเหนื่อยยากวิ่งเต้นตรากตรำลำบากไม่อยู่กับที่ กินไม่อิ่มนอนไม่หลับ หลังจากนั้นสามปีเมื่อย้ายที่ทำกินแล้วเนื่องจากท่านเป็นคนประหยัดจึงเก็บเงินสะสมได้ห้า-หกสิบตำลึง แต่จากนี้เป็นต้นไปชะตาชีวิตของท่านก็จะตกต่ำลงไปอีก ลักษณะโหงวเฮ้งของท่านไม่เพียงแต่บ่งบอกว่าจะต้องอดตาย ทั้งยังเป็นคนอายุสั้นอีกด้วย ข้าไม่อยากจะทำนายทายทักให้มากกว่านี้อีก เพราะยิ่งพูดไปท่านก็จะยิ่งไม่สบายใจหนักขึ้น"

    หวังไท่เหอนิ่งอยู่กับคำทำนายพักใหญ่ เมื่อได้สติจึงหยิบเงินจำนวนหนึ่งถวายเป็นปัจจัยแก่ท่านหลี่หันหลิง  แล้วลาจากไปหวังไท่เหอเดินไปพลางคิดไปพลาง เขาคิดว่าในเมื่อชะตาชีวิตของเรามันจะต้องอับเฉาถึงเพียงนั้น ถึงขั้นจะต้องอดตายในวันข้างหน้านี้แล้ว เราจะดึงเอาชีวิตคู่หมั้นของเรามาทนทุกข์ทรมานกับเราด้วยไม่ได้ หวังไท่เหอมีคู่หมั้นโดยพ่อแม่จัดการหมั้นหมายลูกของตนไว้ด้วยกันตั้งแต่เล็กๆ โดยประเพณีและสัตยธรรมแล้ว การหมั้นหมายนั้นทั้งสองฝ่ายจะยึดถือกันไปตลอดชีวิต ไม่ว่าฝ่ายใดจะมีอันพิกลพิการ หรือตกอับยากจนในภายหลังก็ตาม นอกจากทั้งสองฝ่ายจะยินยอมพร้อมใจยกเลิกคำมั่นสัญญานั้น

    หวังไท่เหอเป็นคนดีมีมโนธรรม เมื่อคิดว่าไม่ยุติธรรมเลย ที่จะต้องให้คู่หมั้นของตนรับกรรมเพราะตนในวันข้างหน้า เขาจึงออกเดินทางไปยังบ้านพ่อตาในอนาคตทันทีเพื่อขอถอนหมั้น หวังไท่เหอรีบก้าวเดินไปตามทาง เมื่อเข้าสู่เส้นทางชายป่าและโดยไม่ทันสังเกตเท้าก็สะดุดเข้ากับอะไรอย่างหนึ่งก้มลงจึงเห็นว่ามันคือห่อผ้าภายในมีกล่องไม้จำลักลายใบหนึ่งบรรจุกำไลมือทองคำสองคู่สายสร้อยทองคำสองสายและเงินอีกจำนวนกว่าหนึ่งพันตำลึง ทันทีหวังไท่เหอคิดว่า ในเมื่อชะตากรรมของเรากำหนดไว้แล้วว่าจะต้องอดตาย แม้จะได้เงินทองอีกมากมายเพียงไร ก็หนีชะตากรรมนั้นไม่พ้น และยิ่งกว่านั้นเงินทองจำนวนนี้เป็นของมีเจ้าของ ซึ่งป่านนี้คงจะร้อนใจอย่างยิ่งเป็นแน่ เราคิดจะเอาไว้เป็นของตัวไม่ได้เด็ดขาด

    คิดแล้ว หวังไท่เหอก็จัดการห่อข้าวของเหล่านั้นไว้ดังเดิม แล้วนั่งลงที่โคนต้นไม้เพื่อรอเจ้าของห่อผ้าจะกลับมาตามหา  หวังไท่เหอคอยอยู่ไม่นาน ควบม้ากระหืดหระหอบตรงมา เมื่อเห็นหวังไท่เหอก็ร้องถามว่า

     "ท่านผ่านมาตามทางนี้ เห็นห่อผ้าห่อหนึ่งตกอยู่ที่ใดหรือเปล่า ข้าเป็นคนรับใช้เศรษฐีซู ท่านใช้ให้ข้าเดินทางกลับบ้านพี่สาวของท่านเพื่อนำเอาเครื่องทองกลับไป แต่ข้าก็ทำตกไว้ระหว่างทางช่วงนี้ หากท่านเห็นก็ขอได้โปรดบอกด้วยเถิด หากไม่ได้ของกลับไปข้าจะต้องฆ่าตัวตายจริงๆ"

    หวังไท่เหอไม่รอให้ชายหนุ่มต้องอ้อนวอนรำพันต่อไปเขารีบหยิบห่อผ้าที่วางไว้ข้างหลังส่งให้ชายหนุ่มทันที  ทราบภายหลังว่าชายหนุ่มคนนี้มีชื่อว่า ซูซิง ซูซิงรู้สึกขอบคุณหวังไท่เหอยิ่งนัก ก่อนจากไป เขาล้วงเงินห้าตำลึงมอบให้หวังไท่เหออย่างนอบน้อม แต่หวังไท่เหอไม่ยอมรับไว้ เมื่อหวังไท่เหอแยกทางกับซูซิงแล้ว ก็ออกเดินทางไปตามความตั้งใจเดิม จากเมืองสงเจียงเดินทางมาถึงเมืองซีหัง ระหว่างทางเกิดฝนตกหนัก แถบนั้นจะหาชายคาบ้านสักแห่งให้หลบฝนก็ไม่มี มีแต่ศาลเจ้าเล็กๆ แห่งหนึ่งอยู่ข้างหน้าโน้นหวังไท่เหอจึงวิ่งเข้าไปหวังจะหลบฝน แต่ปรากฏว่าในศาลเจ้านั้นมีคนอาศัยหลบฝนอยู่ก่อนแล้ว เธอเป็นหญิงสาวอายุประมาณสิบเจ็ดสิบแปดปี เพื่อมิให้ชื่อเสียงของหญิงสาวต้องมีมลทิน หลังไท่เหอจึงกลับออกมายืนหลบฝนอยู่ข้างนอก ใต้ชายคาศาลเจ้า

    คืนนั้นฝนตกตลอดคืนจนถึงรุ่งเช้าตีห้ากว่า หวังไท่เหอหลบฝนเช่นนั้นตลอดคืน เมื่อเห็นว่าฝนหยุดและฟ้าสางแล้ว  หวังไท่เหอจึงเตรียมตัวออกเดินทาง หญิงสาวที่หลบฝนอยู่ในศาลเจ้า เมื่อเห็นว่าฝนหยุดแล้วก็ออกมาจากศาลเจ้าจะกลับบ้าน เธอคารวะหวังไท่เหอแล้วถามว่า "สุภาพบุรุษท่านนี้ มีชื่อแซ่ว่าอย่างไรหรือ"

    หวังไท่เหอตอบว่า "ข้าชื่อ หวังไท่เหอ เป็นชาวตำบลซิงหลง" ทั้งสองแนะนำตัวและสนทนากันเล็กน้อย  แล้วหญิงสาวก็ขอร้องให้หวังไท่เหอไปส่งเธอที่บ้าน เมื่อพ่อแม่ของหญิงสาว ทราบความเป็นสุภาพบุรุษของหวังไท่เหอ ก็พากันขอบอกขอบใจต้อนรับขับสู้เขาเป็นอย่างดี

    ต่อจากนั้น หวังไท่เหอเดินทางต่อไปจนถึงบ้านของว่าที่พ่อตา ว่าที่พ่อตาของหวังไท่เหอ  แซ่หัน มีฐานะร่ำรวย เป็นเศรษฐีผู้มีคุณธรรม เมื่อเรียนให้ทราบถึงความตั้งใจของตนแล้ว เศรษฐีหันก็ตำหนิหวังไท่เหอว่า "ตั้งแต่ฐานะทางบ้านของเจ้าเปลี่ยนแปลงไป ลูกสาวของเราก็เฝ้าแต่เสียใจ ร้องไห้จนนัยน์ตาบอด นี่เจ้าจะถอนหมั้นเพราะเห็นว่าลูกสาวของเราตาบอดล่ะสิ"

    หวังไท่เหอได้ฟังก็ตกใจ เพราะเขาไม่รู้มาก่อนเลยว่าคู่หมั้นของเขานัยน์ตาบอดเสียแล้ว  เขารีบชี้แจงเล่าเรื่องราวที่ได้รับการทำนายทายทักให้ว่าที่พ่อตาฟัง เศรษฐีหันประทับใจในเจตนาดี ที่หวังไท่เหอมีต่อลูกสาวของตนยิ่งนัก จึงยืนยันที่จะตกแต่งลูกสาวให้เขาให้จงได้ หลังจากแต่งงานกันแล้วครึ่งเดือน คืนวันหนึ่ง หลังไท่เหอนอนไม่หลับ เพราะความกังวลต่อชีวิตในวันข้างหน้า จึงออกมานั่งที่ลานบ้าน ทันใดนั้นเขาก็แลเห็นลูกไฟกลมๆ ลูกหนึ่งกลิ้งมาจากที่ไหนไม่ทันสังเกต แต่กลิ้งไปหยุดลงตรงมุมกำแพงข้างหน้าเป็นเช่นนี้ติดต่อกันถึงสามครั้ง หวังไท่เหอ รีบนำเหตุการณ์ที่ได้เห็นเช่นนี้เข้าไปเล่าให้ภรรยาฟัง ภรรยาให้ความเห็นว่าที่มุมกำแพงนั้นอาจจะเป็นที่ฝังขุมทรัพย์ก็ได้ ที่มุมกำแพงนั้นเป็นที่ฝังขุมทรัพย์จริงๆ หวังไท่เหอ ขุดพบทองคำเกือบเจ็ดร้อยแท่ง เป็นเงินกว่าสามล้านตำลึง เงินจำนวนมหาศาลนั้น เขาได้ใช้ส่วนหนึ่งสร้างบ้าน เปิดร้านขายเสื้อผ้า และค้าเงิน เขากลายเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในเมือง เมื่อคิดถึงคำทำนายของนักบวช ที่ทายทักว่าเขาจะต้องอดตาย แต่ผลกลับเป็นตรงกันข้ามเช่นนี้ ทำให้หวังไท่เหอหมดศรัทธาต่อนักบวชทั้งหลาย เขายินดีช่วยเหลือเจือจานคนตกทุกข์ได้ยากทุกคนแต่สำหรับนักบวชแล้วเขาไม่ยอมทำบุญด้วยแม้เศษเงิน

    วันหนึ่ง เมื่อพระอรหันต์จี้กงผ่านมาที่เมืองซึหัง ก็เข้าไปสนทนาธรรมกับนายอำเภอในที่ว่าการ จึงได้ทราบว่าสะพานวั่นเอวี๋ยนของอำเภอซึหังนี้ชำรุดทรุดโทรมมากทางการและประชาชนก็รวบรวมเงินไม่พอจะบูรณะได้พระอาจารย์จี้กงจึงรับปากนายอำเภอ  ว่าจะช่วยหาเงินมาสมทบด้วยหนึ่งหมื่นตำลึง พระอาจารย์ตรงไปที่หน้าประตูบ้านหวังไท่เหอทันที แล้วร้องบอกบุญอยู่หน้าประตูบ้าน คนเฝ้าประตูเห็นว่าเป็นพระสงฆ์มาขอบริจาคก็ร้องบอกว่า "พระคุณเจ้าไปเสียเถิด ท่านเศรษฐีหวังไม่ยินดีต่อนักบวชบรรพชิตหรอก"

     พระอาจารย์จี้กงบอกไม่เป็นไร แล้วขอยืมพู่กันจากคนเฝ้าประตูมาเขียนกลอนลงบนกำแพงบ้านเศรษฐีพลางก็ตะโกนเรียกอีกสามครั้งว่า "คนบอกบุญมาแล้ว ๆ ๆ"

    หวังไท่เหอได้ยินเสียงก็เดินออกมาดู พอเห็นกลอนที่เขียนไว้บนกำแพงก็สะดุ้ง  นึกรู้ทันทีว่าพระสงฆ์ที่มาบอกบุญต้องไม่ใช่นักบวชธรรมดาเสียแล้วท่านคงจะเป็นพระอรหันต์ที่บรรลุแล้วเป็นแน่ มิฉะนั้นจะไม่รู้เรื่องราวแต่หนหลังของเขาได้เช่นนี้ กลอนบทนั้นมีความว่า

     ครั้งหนึ่งที่เมืองสงกังฟังทำนาย "หันหลิง" ทายจะยากจนลำบากเหลือ  มาบัดนี้กลับร่ำรวยเงินเหลือเฟือ ด้วยเคยเอื้อหนุ่ม "ซูซิง" หญิง "อวี้หยง" หวังไท่เหอจึงสำนึกได้ว่า ที่ชะตาชีวิตของตนเปลี่ยนแปลงร่ำรวยสุขสบายได้ถึงเพียงนี้ คงเป็นเพราะผลบุญที่เขาคืนห่อทองคำให้แก่ชายหนุ่มซูซิง ซึ่งเท่ากับช่วยชีวิตของเขาให้พ้นจากการฆ่าตัวตาย และมโนธรรมที่มีต่ออวี้หยงหญิงสาวที่ติดฝนอยู่ในศาลเจ้า ดังเช่นกลอนที่พระสงฆ์รูปนี้เขียนไว้ที่กำแพงเป็นแน่ เขาจึงนิมนต์พระอาจารย์จี้กงเข้าไปในบ้าน หวังไท่เหอเศรษฐีหรือเศรษฐีหวังได้บริจาคเงินสร้างสะพานตามที่พระอาจารย์จี้กงได้บอกบุญมาหนึ่งหมื่นตำลึง ด้วยความเต็มใจ

0
385

อริโยวาทหลื่อโจ้ว

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago

ความอัศจรรย์จากการตีพิมพ์ หนังสือเทวราชโองการ

บันทึกโดยดาบสปี้หวินแห่งเอี้ยวเอี๋ยน

1654918052.jpg
mindcyber
5 months ago

เส้นทางอริยะ ตอนที่ยี่สิบเอ็ด

1654918052.jpg
mindcyber
1 month ago

เหตุปัจจัยแห่งการเกิดดับ

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago

วงเวียนกรรมของสัตว์โลก ครั้งที่3

นกแก้วพูดได้เพราะปากคอเราะราน นกห่านป่านกนางแอ่นสนทนาล้ำลึกถึงจิตคน

1654918052.jpg
mindcyber
4 months ago