มนุษย์ถูกขนานนามว่า เป็นชนชั้นสัตว์ประเสริฐ พวกชนชั้นสูงสุดเหนือชนชั้น ถ้ามองมนุษย์ปัจจุบั้นได้สูญเสียกิตติมศักดิ์ส่วนนี้ไปแล้ว ทุกผู้-ทุกนาต่างแข่งขันกันประกอบธุรกิจที่ต่ำทรามอย่างนี้ (แหล่งอบายมุข)กลายเป็นแหล่งที่มีความเจริญมาก แต่ทว่ามีสภาพที่เหมือนกันอย่างหนึ่ง การตบแต่งไม่เหมือนเล้าเป็ดเล้าไก่หรอก หากแต่ว่าทำธุรกิจโสมมละอายใจ แม้แต่บนท้องถนนที่กว้างใหญ่ก็เต็มไปด้วยการจี้ปล้น มั่วสุมกามราคะ หรือไม่ก็มีกิจการค้าที่คอยหลอกต้มตุ๋นอยู่ทั่วไป ทำให้สะเทือนจิตสวรรค์ สูญสิ้นจิตมนุษย์ด้วยเหตุฉะนี้ คนนั่นเองจึงเป็นผู้สร้างวงเวียนกรรมของสัตว์เดรัจฉาน
ด้วยเหตุฉะนี้ สัตว์เดรัจฉานจึงมีลักษณะสี่เท้าเดินดินสันหลังหันสู่ฟ้า ถ้าเกิดอยู่ในป่าเปลี่ยว ต้องรับทุกข์จากลมโกรกฝนสาด ถ้าเกิดในบ้านคนก็มีกรงขังอยู่ใกล้กับหม้อต้มน้ำสักวันหนึ่งก็จะถูกเชือดเฉือน ถูกคนต้มแกงกินเนื้อ แทะกระดูกอย่าอร่อยเหมือนกับความแค้นที่ลึกซึ้ง ต้องชำระ ทรมานแสนสาหัสกจนเหลือที่จะกล่าว ร้องขอชีวิตก็ไม่ได้ ต้องตายภายใต้คมดาบ น่าสงสารยิ่งนักถ้าได้ศึกษาลึกลงไปจะพบว่าวิญญาณของสัตว์ก็ไม่ต่างไปกับวิญญาณของคน ล้วนเกิดจากบาปที่เวียนมาเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานใช้หนี้กรรมเป็นเช่นนี้แล้ว ก็มิใช่เป็นการลดความหมายของการเป็นคนหรอกหรือ ประพฤติธรรม มนุษย์สามารถที่จะเกิดจะดับได้เอง สัตว์เดรัจฉานไม่สามารถที่จะทำได้ น่าเจ็บใจยิ่งนัก
ในประเทศจีนสมัยราชวงศ์หมิง มีนักกวีผู้หนึ่งชื่อว่า “เถาหวั้งลิน” เขียนไว้ว่า สัตว์กับฉันเดิมเป็นจิตเดียวกัน ผิดแยกก็เพียงร่างหาใช่จิต เหตุใดเล่าจึงต่างกัน เนื้อจากแม่เดียวกัน ธรณีกรรแสงเวทนาคนยิ่งนัก จากบทกวีจะเห็นว่า คน สัตว์ ต่างถือกำเนิดจากจิตวิญญาณแหล่งเดียวกัน เหตุจากบุญบารมีจึงเกิดเป็นคน ทำบาปจึงเกิดเป็นสัตว์ จากการแตกต่างของร่างกายก็ทำให้การเป็นอยู่ก็แตกต่างกัน แต่ทว่าใจมีเมตตากรุณา แม้ต่อสัตว์ก็ตามเราไม่ควรฆ่าแกง เพื่อบำเรอปากท้อง จะได้งดบาปจากการกินยิ่งท่านที่ปฏิบัติธรรมด้วยแล้ว ควรจะรับประทานมังสาวิรัติ เพื่อความสดชื่นของกายและใจ เพื่อการหลุดพ้นจากวิญญาณอกุศล
สำนักเซิ่นเต๋อถัง ได้รับราชโองการจากสวรรค์ให้เรียบเรียงหนังสือวงเวียนกรรมของสัตว์โลก เพื่อเตือนสติชาวโลก ขาวแพร่สะเทือนไปถึงสามโลก เพื่อระงับบาป ชี้แจงบาปบุญคุณโทษในโลกของวิญญาณนี้ หนังสือเล่มนี้ อาจเรียกว่า คำเรียกร้องของวิญญาณสัตว์เพื่อให้มนุษย์เข้าใจว่า “วิญญาณไม่ดับสลาย” และช่วยไม่ให้ต้องตกไปสู่อบายภูมิอีก หนังสือนี้ทำไม่ง่ายนัก ต้องอาศัยวิญญาณของคุณหยางเซิงโดยการนำของท่านอรหันต์จี้กง เที่ยวลุยไปทั้ง 3 โลก เยี่ยมเยือนถึงสัตว์ต่างๆ เพื่อลดความโหดร้ายของคนลงหนังสือนี้จึงเปรียบประดุจยาระบายความร้อนของจิต พวกเราชาวเทพต่างได้ข่าวการทำหนังสือจึงได้ประทับทรงเพื่ออวยพร
ประทับทรงวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ.2525