พระจี้กงประทับทรง วันที่ 18 เมษายน 2527
อัสนี ฟาดเปรี้ยง สะเทือนลั่น
กรรมตามทัน ด่าวดิ้น สิ้นชีวา
ส่วนคนดี เทพรักษา สมบุญญา
จำไว้หนา ภูมิทุกข์สุข ตนสร้างเอง
พระจี้กง :ความจริงฟ้านั้นไร้เสียง ทว่ามนุษย์ทำบาปกรรมกันมาก ดังนั้นที่สายฟ้าคำราม เป็นการเตือนสติชาวโลกว่าอย่าก่อกรรมทำชั่ว มิเช่นนั้นภัยพิบัติจะถึงตัว
ชิวเซิง :กราบเรียนถามอาจารย์ มีบางคนปกติก็ไม่ใช่คนชั่วร้ายแต่อย่างใดแต่ก็ยังประสบเคราะห์กรรมจากฟ้าผ่านี่เป็นเพราะสาเหตุใดครับ ?
พระจี้กง :คนที่ถูกฟ้าผ่าตาย ชาตินี้หรือชาติก่อน ย่อมต้องมีบาปกรรมที่ยังไม่ได้ชำระแน่นอน
ชิวเซิง :ผู้ที่ถูกฟ้าผ่าตาย ร่างกายไหม้เกรียมจนดำเป็นถ่าน ทำไมเป็นเช่นนี้ได้ครับ ?
พระจี้กง :เนื่องจากประจุไฟฟ้าบวกและลบมารวมตัวกันแล้วแล่นลงมากระทบถูกร่างกายคนโดยตรงร่างกายจึงถูกเผาไหม้ในชั่วพริบตา ก็เหมือนแบบเดียวกับท่อนไม้ หลังถูกเผาไหม้แล้วเหลือแต่ถ่านไม้สีดำ
ชิวเซิง :แล้วในชั่วเว็บเดียวของฟ้าผ่า แรงอัดของกระแสไฟฟ้าที่ส่งออกมามีเท่าไรครับ ?
พระจี้กง :ประมาณสองหมื่นกว่าโวลท์
ชิวเซิง :โอ้โฮ ! ปกติถ้าถูกเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านช็อตเอา ก็ยังไม่อาจทนได้ ถ้าหากถูกฟ้าผ่าซึ่งมีพลังไฟฟ้าตั้ง 20,000 โวลท์ผ่าเอา คงน่าอนาถมาก
พระจี้กง :บุคคลชั่วร้ายถ้าหากก่อกรรมทำชั่วในเวลากลางวันแสก ๆ เมื่อถูกฟ้าผ่าตาย ตอนอยู่ในขุมนรกจะยิ่งน่าอนาถกว่ามากนัก วันนี้อาจารย์จะนำเธอไปดูวิญญาณบาปที่ไหม้เกรียมทั้งตัว
ชิวเซิง :ผมนั่งเรียบร้อยแล้ว อาจารย์เดินทางได้
พระจี้กง :ในวันนี้เราจะไปดูชาวเมืองเจ้อเจียผู้หนึ่งซึ่งมีชีวิตอยู่ในสมัยรัชกาลเจียซิ่น (พ.ศ. 2339-2364) แห่งราชวงศ์ชิง ตอนมีชีวิตชอบหลอกพร่าความสาวของหญิงชาวบ้านอยู่เป็นนิจ มีครั้งหนึ่งก็ยังคิดจะข่มขืนสาวน้อยอายุไม่เต็ม 16 ปีคนหนึ่ง แต่พฤติการณ์ครั้งนี้เผอิญถูกเทพตรวจการณ์ที่เหาะผ่านมาพบเข้า จึงรีบรายงานองค์เง็กเซียนจอมเทวราชเมื่อพระเจ้าเง็กเซียนทราบเหตุ ทรงพิโรธยิ่งนัก จึงทรงบัญชาให้เทพอัสนีปล่อยสายฟ้าลงมาผ่าผู้บ้ากามนั้นตาย เพื่อเป็นการเตือนสติชาวโลก
ชิวเซิง :ความชั่วเช่นนั้นยังบังอาจประพฤติ ช่างไม่เกรงกลัวฟ้าดินเสียเลย
พระจี้กง :ชิวเซิง...ถึงแล้ว รีบลงจากดอกบัวหัวหน้าแดนและเจ้าหน้าที่ยมกำลังรอคอยอยู่เบื้องหน้าแล้ว
ชิวเซิง :กระผมขอคารวะท่านหัวหน้าและทุกท่าน
หัวหน้า :ตามสบาย พวกเรารออยู่ที่นี่นานแล้ว รีบตามเราเข้าไปข้างใน
ชิวเซิง :ขอบคุณครับ
หัวหน้า :สานุศิษย์สำนักเซิ่งเทียน ล้วนแต่มีมหาปณิธานในการโปรดผู้คนให้พ้นทุกข์ อุดมการณ์เช่นนี้น่าเลื่อมใสจริง ๆ
ชิวเซิง :ท่านหัวหน้าเยินยอมากไปแล้ว ปัจจุบันนี้วัฒนธรรมอันต่ำทรามนับวันจะระบาดมากขึ้น ถ้าหากไม่มีหนังสือธรรมะมาเตือนสติและเหนี่ยวรั้งจิตใจกันบ้าง สังคมอาจจะปรากฏบรรยากาศแห่งความเศร้าสลดขึ้นได้ ดังนั้นสานุศิษย์สำนักเซิ่งเทียน จึงมีอุดมการณ์เดียวกัน โดยได้รับการสนับสนุนจากเทพเบื้องบน แม้ว่าตอนเปิดสำนักใหม่ ๆ เพื่อนร่วมบำเพ็ญ ต้องประสบกับอุปสรรคต่าง ๆ แต่ผมหวังว่าความเสียสละของพวกเรา คงได้รับการสนองตอบจากเพื่อนร่วมโลกในการสนับสนุน กิจกรรมธรรมะ นี้ยิ่งขึ้น เท่านี้ผมก็พอใจแล้ว
หัวหน้า :น่าเลื่อมใสจริง
ชิวเซิง :ท่านยกย่องเกินไปแล้ว
หัวหน้า :เข้าไปพักผ่อนข้างในกันเถิด
พระจี้กง :ชิวเซิงรีบตามท่านเข้าไป
ชิวเซิง :โอ้โฮ ! เป็นห้องปฏิบัติงานที่กว้างใหญ่อะไรเช่นนี้ ภายในห้องสะอาดสะอ้าน คล้ายกับสถานที่ราชการในเมืองมนุษย์ไม่ผิดเพี้ยน ขอท่านหัวหน้าอธิบายให้ทราบอย่างคร่าว ๆ ได้ไหมครับ ?
หัวหน้า :ขอเชิญท่านจี้กงและคุณชิวเซิงดื่มน้ำชา...ที่นี่เป็นเรือนจำที่อยู่ในความดูแลรับผิดชอบของผม ผู้ที่ถูกคุมขังอยู่ในคุกล้วนแต่เป็นผู้ทำบาปทำชั่วอย่างร้ายแรง เชิญท่านทั้งสองตามผมเข้าไปดู ขณะนี้พระจี้กงเอาดวงแก้ววิเศษจากกล่องออกมา ฉับพลันสว่างไสวไปทั่ว)
ชิวเซิง :โอ้โฮ ! เป็นนรกอเวจีสมชื่อจริง ๆ ผมว่หากคนใดมาที่นี่สักครั้ง ต่อไปคงไม่กล้าทำชั่วอีกแน่
หัวหน้า :พวกนี้ตอนเป็นมนุษย์ ได้ทำความชั่วช้าสามานย์ ซึ่งทำแต่ในที่ลับที่มืด วันนี้พอเห็นความสว่างจึงดีใจเหมือนได้แก้ว
ชิวเซิง :อาจารย์ครับ ถ้าหากว่าชาตินี้ได้กระทำชั่วโดยไม่ตั้งใจ หรือถูกเพื่อนชักนำไปประพฤติผิดครรลองคลองธรรม แล้วจะทำอย่างไรดีครับ ?
พระจี้กง :ถ้าหากสามารถกลับตัวใหม่ โดยหันมาทำแต่ความดี หมั่นสร้างบุญสร้างกุศล ชดใช้ความผิดที่แล้วมาหรือว่าออกทุนทรัพย์สนับสนุนพิมพ์หนังสือ “ท่องอเวจี” เล่มนี้อย่างจริงใจ แล้วอุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้ากรรมนายเวรเป็นการไถ่ถอนบาปกรรมต่อไปภายหน้า เมื่อละจากโลกแล้ว ก็จะสามารถลดโทษทัณฑ์ของนรกให้เบาบางลง ส่วนผู้มีความผิดเล็กน้อยโทษนั้นก็เป็นอันระงับไป
ชิวเซิง :นี่เป็นโอกาสอันยอดเยี่ยมในการสร้างกุศลโดยแท้
หัวหน้า :ผมได้นำวิญญาณบาปที่ถูกฟ้าผ่าตายมาคนหนึ่ง คุณชิวเซิงสัมภาษณ์เขาได้เลย
ชิวเซิง :นี่คุณคนนี้...คุณเป็นคนชาวเมืองเจ้อเจียงที่ชอบลวนลามหญิงชาวบ้านใช่มั้ย ?
วิญญาณบาป :ท่านเป็นใคร ? ทำไมรู้เรื่องประวัติผมครั้งเป็นมนุษย์
ชิวเซิง :ผมคือชิวเซิง คนทรงแห่งสำนักเซิ่งเทียน เมื่อครู่นี้พระอาจารย์จี้กงได้เล่าให้ผมฟังแล้ว
วิญญาณบาป :ฮือ ๆ....เมื่อคิดถึงกรรมชั่วที่ได้ก่อครั้งเป็นมนุษย์ สำนึกได้ก็สายเสียแล้ว
ชิวเซิง :เพียงแต่คุณเล่าตามความเป็นจริง ให้เราบันทึกลงในหนังสือ เชื่อว่าอาจลดโทษของคุณให้เบาลงได้บ้าง
วิญญาณบาป :ครับ...ผมจะเล่าให้ท่านฟัง ตอนเป็นมนุษย์ผมเป็นคนหยาบช้า ชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่ มีชื่อลือกระฉ่อนทางชั่วร้าย ใคร ๆ ก็รู้โดยเฉพาะพวกผู้หญิง ผมมักจะลวนลามกระทำมิดีมิร้ายต่อหญิงชาวบบ้าน ตามตรอกตามซอยอยู่เสมอ เสร็จแล้วผมก็เแสดงอาการข่มขู่ จนพวกหล่อนไม่กล้าปริปากบอกใคร ได้แต่เจ็บแค้นอยู่ในใจ เมื่อลวนลามหญิงสาวครั้งใด ผมมีความรู้สึกว่าเป็นสุดยอดแห่งควมสุข ความจริงไม่ได้คิดถึงเรื่องกรรมตามสนองอะไรนั้นหรอก มีครั้งหนึ่งขณะที่กำลังจะข่มขืนเด็กสาวผู้อายุยังไม่เต็ม 16 ปี คนหนึ่งอยู่ ฉับพลันเมฆสีดำก็แผ่ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าชั่วเวลาไม่กี่นาทีเท่านั้นฟ้าแลบและฝนก็กระหน่ำลงมา เนื่องจากผมหาที่หลบไม่ทัน จึงถูกฟ้าผ่าตาย ทั้งร่างไหม้เกรียมดำเป็ตนตอตะโก ศพนอนอตายอยู่นอกเมือง
ชิวเซิง :โอ้โฮ ! กรรมตามสนองโดยแท้ แล้วตอนนี้ตัวคุณไหม้เกรียมดำสนิท มีความรู้สึกอย่างไรบ้าง ?
วิญญาณบาป :โอ ทุกข์ทรมานเหลือเกิน ทั่วทั้งตัวแข็งทื่อเคลื่อนไหวไม่ได้เลย ท่านรีบช่วยผมทีเถิด
ชิวเซิง :ขอโทษด้วย ผมทำไม่ได้
พระจี้กง :ชิวเซิงดึกมากแล้ว ทำกรรมใดย่อมรับกรรมนั้น กฏนรกนั้นเคร่งครัดนัก เรากลับสำนักกันเถอะ รีบอำลาท่านหัวหน้าแดน
ชิวเซิง :กระผมขอลาท่านหัวหน้าก่อน
หัวหน้า :ขอส่งท่านจี้กงและคุณชิวเซิง
พระจี้กง :ชิวเซิงรีบขึ้นดอกบัว
ชิวเซิง :ผมนั่งเรียบร้อยแล้ว อาจารย์กลับได้
พระจี้กง :ถึงสำนึกเซิ่งเทียนแล้ว ชิวเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าร่าง