กิ่วเทียนเฮี่ยงนึ่ง
การบำเพ็ญวิถีใจเกิดปัญญา ศรัทธารู้หลักธรรมเต๋าสดใส
พบได้ยากควรคิดหมั่นหว่านไถ ตำแหน่งไซร้ที่เทพเซียนเหนือเมฆินทร์
นับตั้งแต่ท่านเหล้าบ้อ ที่ได้ถ่ายทอด “วิถีใจแห่งอู๋จี๋” ให้แก่ท่านหยางเซิง นำมาฉุดช่วยถ่ายทอดธรรม เพื่อยังประโยชน์แก่ผู้รับเป็นจำนวนมากแต่ผู้ที่เข้าถึงวิถีใจมีน้อยมาก และก็พูดกันไม่ออก เกรงว่าจะมีแต่ผู้ที่อยู่ที่นี่เท่านั้น จึงสามารถเข้าถึงรสธรรมลึกซึ้งได้
การบำเพ็ญวิถีใจ สิ่งเริ่มแรกคือจิตวิญญาณที่ทื่ออึดอาด เมื่อได้รับการอบรมกล่อมเกลาดุจการเปิดประตูใจฉับพลัน ปัญญาว่องไวดุจดอกไม้ได้ปล่อยความหอมอย่างปีติยินดี และก็เข้าถึงสรรพสิ่งที่กำเนิดหลักธรรมอันแหลมคมทำให้จิตใจเราประภัสสร ได้พบเห็นจิตแท้ของตน ความแยบยลกลมสมบูรณ์ที่ไม่สิ้นสุดแบบนี้ จะพบได้จากการมอบตัวเข้าฝึกฝน ก็จะได้รู้ความแยบคายแห่งวิถีใจได้
ไม่ว่าเป็นวิถีธรรมไหน ไม่ใช่พบแตะเข้าก็จะได้รับ เมื่อเข้ากราบอาจารย์ให้ปลุกเจิมชี้แนะแล้ว วิถีทางที่ลัดง่ายที่สุด ก็คือชักนำเข้าสู่ธรรมชั้นสูงแล้วเพ่งพิจารณาฝึกฝน ต่อไปก็จะได้รับพอคร่าว ๆ ให้เราไปสัมผัสลิ้มรสจนกว่าจะย่างเข้าสู่สภาวะที่ลุรู้อย่างถูกต้อง
การฝึกฝนเพื่อลุรู้ในเบื้องต้น ต้องเริ่มจากข้อกำหนด 3 ข้อเพื่อเป็นการผูกมัดตนเอง เพื่อตระเตรียมเข้าสู่ธรรม ที่จะเสนอให้ชาวโลกได้พิจารณา
1. ข้อบังคับตนเองการฝึกธรรมวิถีแห่งอู๋จี๋ ก็ต้องเคารพทำตามกฏเกณฑ์ เพื่อเป็นการสยบกายใจต่อความทะยานอยากต่าง ๆ เพื่อควบคุมทวารของอวัยวะทั้งห้า จะได้ไม่ถูกหลอกลวงจากโลกียะ แม้จะเป็นบทลงโทษเล็ก ๆ ข้อหนึ่ง แต่ก็สามารถนำมาซึ่งความเกรงกลัวและเคราะห์ภัย ก็จะทำให้มีความขยันในการบำเพ็ญความดี โดยไม่ขาดตอน บังคับตนเองให้เคร่งครัด ก็จะทำให้กายใจสะอาด เป็นการเพิ่มกุศลให้ตนเอง ยิ่งนานก็ยิ่งอุดม ขยับมุ่งสู่ทิศทางการลุรู้ธรรม รักษาแรงศรัทธาให้ตลอด ไม่รีรอที่จะมุ่งไปข้างหน้า
2. ให้ใจเป็นหนึ่ง ชาวโลกมักตื่นตาตื่นใจไปกับความเจริญรุ่งเรืองของโลก ถูกความอยากได้ล่อลวงจนใจคอวุ่นวาย ด้วยเหตุนี้ จึงไม่อาจเข้าถึงการลุรู้ “วิถีใจ” ได้และไม่อาจเสวยความสุขทางธรรม ดังนั้น จึงต้องห่างไกลจากความอยากได้หลีกห่างสิ่งลวงหลอกและมารชั่ว ก็จะค่อย ๆ ทำให้ใจเข้าถึงสภาวะที่เงียบนิ่งได้รากเหง้าทั้งหลายอยู่ที่ใจ ถ้ายังปล่อยอารมณ์เสพความสุขจากความใคร่อยากแล้ว ใจของเขาก็หลงอยู่กับการลวงหลอก หรือไม่ก็เจ็บปวดทุกข์ต่อการเคี่ยวกวน หากไม่ใจแน่วแน่อุตสาหะฝึกฝน “วิถีใจแห่งอู๋จี๋” แล้ว ก็สามารถเข้าถึงความสุขนิรันดร์ได้ เพราะฉะนั้น นักพรตผู้แน่วแน่ ก็ต้องชำระใจให้สะอาดบำเพ็ญใจให้มีความเมตตา มีเวทนา มีความปีติ และมีละวางเสียก่อน ใจเมตตาจะตัดความโลภ ใจเวทนาจะไม่มีความโกรธ ใจปีติจะช่วยคนให้พ้นทุกข์ ใจละวางจะละทิ้งความรัก ความชั่ว และความแค้นเคืองได้ จากการควบคุมใจก็ควบคุมความคิด เข้าสู่ความเป็นหนึ่ง คือ ฌานสมาธิ
3. ขยายภูมิปัญญา ปัญญาที่แท้จริงของคน ก็คือปัญญาที่สามารถเข้าใจสัจธรรม ปัญญาแห่งสัจธรรมนี้ จึงสามารถเข้าใจถึง อะไรคือความทุกข์ของชาวโลก ? เหตุอยู่ที่ไหน ทำอย่างไรจึงสามารถมลายได้ ตลอดจนการรู้จักอนิจจังของชีวิต เมื่อมีความคล่องแคล่วแล้ว ปัญญาก็จะสว่างไสว ก็จะสามารถเข้าสู่ธรรมแยบยลอันแท้จริงได้
ที่กล่าวมาทั้ง 3 ข้อ เป็นพื้นฐานที่ต้องศึกษาของผู้มีความแน่วแน่ที่จะฝึกเรียน “วิถีใจแห่งอู๋จี๋แห่งมหายาน” การบำเพ็ญที่สูงขึ้น สภาวะรู้ก็ยิ่งสูงขึ้นซ่อนใจที่ขยันวิริยะ ไม่ขี้เกียจ ปฏิบัติด้วยความยินดี ย่อมสามารถเข้าถึงมรรคผลได้