พระจี้กงประทับทรง วันที่ 22 เมษายน 2527
อบรมบุตร ต้องตีเหล็ก เมื่อยังร้อน
อย่ารอสอน ยามไม้แก่ เฉดัดยาก
เดินทางผิด สายเกินแก้ ใครลำบาก
ก่อกรรมมาก ไม่พ้นตก นรกภูมิ
พระจี้กง :กาลเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว มิทันไรนับแต่ลิขิตเรื่อง “ท่องอเวจี” เป็นต้นมา ก็ผ่านไปถึง 4 เดือนแล้ว อาตมาเห็นสานุศิษย์ทั้งหลายต่างอุทิศตนเพื่อธรรมะอย่างทุ่มเทชีวิตจิตใจ รู้สึกชื่นชมปรีดายิ่งนัก เชื่อว่าถ้ายังอยู่ในเกณฑ์ระดับนี้ไปเรื่อย ๆ อีกไม่นานเกินรอ หนังสือธรรมะของสำนักเซิ่งเทียนจักต้องเลื่องลือไปไกลแน่
ชิวเซิง :สำนักเซิ่งเทียนได้รับการสนับสนุนจากเทพเบื้องบนใหญ่หลวงนักแม้ว่าสานุศิษย์ทั้งหลายในช่วงนี้อาจต้องเหน็ดเหนื่อยสักหน่อย ทว่าเมื่อได้เห็นการออกหนังสือธรรมะของสำนักนี้กำลังเจริญรุดหน้า ศิษย์รู้สึกว่าเป็นการน่าคุ้มค่ามากทีเดียว ไม่เหมือนผู้คนส่วนมาก ซึ่งตั้งแต่เช้ายันค่ำวุ่นวายแต่เรื่องการงานไม่หยุด ใจไม่มีความสงบ แม้สักนาทีเดียว พอมีเงินก็คิดแอยากได้รถเก๋งบ้าง ยังกะโลบ้าง มุ่งแสวงหาการเสพสุขชั้นยอด หารู้ไม่ว่าสรรพสิ่งนอกกาย ล้วนแต่ตอนเกิดมิได้นำมา ตอนตายก็มิอาจพาไปได้ ไฉนต้องมาทุ่มเทชีวิตและสรรพกำลังเพียงเพื่อกายเนื้ออันจอมปลอมนี้จนเป็นอันตรายแก่จิตเดิมแท้ ผลสุดท้ายยังอาจต้องไปเดินย่ำอยู่ในขุมนรกเสียอีกพักใหญ่ ซึ่งไม่คุ้มค่ากันเลย
พระจี้กง :ฮ่าฮ่า ! แล้วถ้าหากเธอมีเงินล่ะ เธอจะใช้มันอย่างไร ?
ชิวเซิง :ฮ่าฮ่า ! อาจารย์ถามเรื่องนี้ขึ้นมาก็ดีแล้วเมื่อผมได้มาจากสังคม ย่อมต้องคืนให้แก่สังคม เช่น บริจาคในการกุศลช่วยเหลือผู้ยากไร้ หรือพิมพ์หนังสือธรรมะแจกเป็นทาน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายแห่งชีวิตที่สมบูรณ์
พระจี้กง :เออ ดีมากถ้าหากทุกคนเป็นเช่นเธอได้เหล่าเทพพรหมก็คงไม่ต้องลงมาประทับทรงยังเมืองมนุษย์ครั้งแล้วครั้งเล่า
ชิวเซิง :นั่นซิครับ
พระจี้กง :เอาละ....ถึงเวลาท่องอเวจีแล้ว ขึ้นดอกบัวเร็ว
ชิวเซิง :ผมนั่งเรียบร้อยแล้ว อาจารย์ไปได้
พระจี้กง :ตั้งแต่เปิดสำนักเซิ่งเทียนมา สานุศิษย์ทั้งหลายนับว่าได้ผจญอุปสรรคมาแล้วไม่น้อย
ชิวเซิง :อาจารย์หมายถึงอะไร ?
พระจี้กง :ฮ่าฮ่า จะมีอะไรอีกล่ะ
ชิวเซิง :อาจารย์ตอบแบบนี้ ศิษย์ยังไม่เข้าใจอยู่ดี
พระจี้กง :เป็นปกติธรรมดาของสำนักทรงทั่วไป ตอนเริ่มเปิดสำนักใหม่ ๆ มักจะเกิดเหตุการณ์ทำนองนี้ ดังนั้นเธอไม่ต้องวิตกกังวลในเรื่องนี้ ควรจะรู้ว่าการที่สามารถผ่านการทดลองจากคลื่นลมพายุได้ จึงเป็นการแสดงถึงความมั่นคง ถ้าหาตอนเริ่มเปิดสำนักก็ราบรื่นกลับจะทำให้คนลืมตนได้ง่าย เพราะอนาคตอันยาวไกลของสำนักเซิ่งเทียน ยังจะต้องฝ่ามรสุมอีกมากนัก
ชิวเซิง :นั่นซิครับ ขอแต่เพียงเทพพรหมไม่ทอดทิ้งพี่ไช่เจ้าสำนักเท่านั้น เขาก็คงสามารถนำนาวานี้แล่นไปได้อย่างราบรื่นจนบรรลุเป้าหมายเป็นแน่
พระจี้กง :ถึงที่แล้ว ชิวเซิงรีบลงจากดอกบัว
ชิวเซิง :อาจารย์ครับ ไม่ทราบเหตุใดผมรู้สึกหายใจไม่ค่อยสะดวกอย่างกะทันหัน
พระจี้กง :นั่นเป็นเพราะความลึกของชั้นธรณี อากาศจึงน้อยกว่าปกติ อดทนหน่อย เดี๋ยวก็หายเอง
ชิวเซิง :ที่นี่ไร้ผู้คน มืดมิดไปหมด รู้สึกเงียบวังเวงอย่างไรชอบกล
พระจี้กง :ที่อาจารย์นำเธอมาในเส้นทางนี้ เพื่อจะฝึกฝนความอดทนและหนักแน่นของเธอ รู้สึกว่าเธอก้าวหน้าขึ้นมาก
ชิวเซิง :นั่นเป็นเพราะการส่งเสริมของอาจารย์โดยแท้
พระจี้กง :เบื้องหน้ามีพัศดียม 2 ท่านกำลังรอเราอยู่ รีบไปคารวะเถิด
ชิวเซิง :โอ ! พัศดี 2 ท่านนี้รูปร่างสูงใหญ่หน้าตาดุดันน่ากลัวแท้
พระจี้กง :ชิวเซิงอย่าเสียมารยาท รีบไปคารวะท่านซิ
พัศดี :ขอต้อนรับท่านจี้กง และคุณชิวเซิง
ชิวเซิง :กระผมขอคารวะท่านพัศดี
พัศดี :คุณชิวเซิงขอให้ถือเป็นกันเอง รีบตามเราเข้าไปข้างในเถิด (ชิวเซิงมองไปโดยรอบ ซึ่งล้วนเป็นกำแพงสูงมีเสียงร้องโหยหวนดังมาจากนรกเป็นระยะ ๆ)
พระจี้กง :คืนนี้ต้องขอรบกวนท่านพัศดีหน่อยอาตมามีธุระสำคัญจะปรึกษากับท่านพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ราช (พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์) จึงต้องขอตัวไปก่อน
ชิวเซิง :อาจารย์ครับ ทำไมท่านไปเองคนเดียว ทิ้งศิษย์ให้อยู่ในสถานที่เช่นนี้อย่างโดดเดี่ยวน่ากลัวจริงแท้
พระจี้กง :ชิวเซิงไม่ต้องวิตก อาจารย์จะรีบกลับมาโดยเร็วที่สุด
พัศดี :คุณชิวเซิง เบื้องหน้ามีวิญญาณบาปกลุ่มหนึ่ง เธอไปสัามภาษณ์เขาได้เลย (วิญญาณบาปเหล่านี้ รูปร่างผอมโซ บ้างตาโบ๋ บ้างก็ตาถลนออกนอกเบ้า เนื้อตัวสกปรกมอมแมมดุจดินโคลน ส่งกลิ่นเหม็นหึ่ง ชิวเซิงปิดปากจมูกเดินเข้าไปหา)
วิญญาณบาปพูดพร้อมกัน :ท่านเป็นใคร ? แถมเหนือหัวยังมีรัศมีสีแดงส่งประกายแรงกล้า
ชิวเซิง :ทุกท่านไม่ต้องกลัว ผมคือนายชิวเซิงคนทรงสำนักเซิ่งเทียน แห่งเมืองไถจุง รัศมีสีแดงเหนือหัวผม ที่ทุกท่านเห็นอยู่นี้ คือรังสีที่เป็นผลจากการบำเพ็ญของผู้บำเพ็ญบุญ ที่ผมได้มาที่นี่ในวันนี้ ก็เพื่อรวบรวมข้อมูลเรื่องราวของพวกท่านครั้งเป็นมนุษย์ และหลังจากตายแล้ว เพื่อบันทึกลงในหนังสือ "ท่องอเวจี” อันเป็นการเตือนสติชาวโลก
วิญญาณ ก :โอ ที่แท้คือผู้มาโปรด ท่านโปรดช่วยพวกเราก่อนเถิด
ชิวเซิง :เนื่องจากบุญบารมีผมยังไม่ถึงขั้น เรื่องจะช่วยพวกท่านทั้งกลุ่ม ซึ่งเป็นผู้มีบาปกรรมเต็มตัวนั้น ผมจนปัญญา แต่พวกท่านอาจถือโอกาสนี้ให้ความร่วมมือ การลิขิตหนังสือนี้ ก็อาจลดความทุกข์ทรมานลงได้บ้าง หรืออาจหลุดพ้นจากขุมนรกแห่งนี้ได้
วิญญาณ ก :งั้นก็เยี่ยมซิ ขอแต่เพียงได้พ้นไปจากที่แห่งนี้เท่านั้น ผมก็จะเผยประวัติโดยย่อครั้งเป็นมนุษย์อย่างหมดเปลือก สมัยเป็นมนุษย์ผมได้เข้าร่วมกับพวกโจรชุมนุมอยู่บนเขา ตั้งเป็นกองโจรเที่ยวปล้นฆ่าเผาจี้ชิงทรัพย์สินของชาวบ้าน และยังฉุดคร่าข่มขืนลูกเมียเจ้าทรัพย์ด้วย ที่สุดก็ถูกฝ่ายเจ้าหน้าที่บ้านเมืองโอบล้อมค่าย ผมได้ถูกฆ่าตายด้วยน้ำมือเจ้าหน้าที่
ชิวเซิง :การที่คุณทำบาปชั่วช้าเช่นนั้ ตอนแรกไม่ได้คิดถึงเรื่องผลกรรมตามสนองหรอกหรือ ?
วิญญาณ ก :ตอนแรกเพราะนึกอยากสนุก จึงถูกเพื่อนชักจูงไปที่ภูเขา โดยหลอกว่าเรื่องการกิน ดื่ม เล่น หาความสุขมีทุกอย่าง ต่อเมื่อเข้าร่วมกับพวกเขาแล้ว จึงรู้ว่าเป็นค่ายโจรชื่อดัง จะเลิกก็ไม่ได้
ชิวเซิง :ยิ่งถลำยิ่งลึกโดยแท้ เอาละ...คุณจงเล่าเหตุการณ์หลังจากตายแล้วมาซิ
วิญญาณ ก :พอตายแล้วทำอะไรไม่ถูก ภาพความชั่วร้ายต่าง ๆที่เคยกระทำครั้งยังมีชีวิต ปรากฏออกมาที่กระจกส่องบาปจนหมดสิ้น ทำให้ผมตกใจจนตะลึงงัน จากนั้นก็ถูกนำตัวไปลงโทษทัณฑ์ที่ขุมนรก ต่าง ๆ อาทิเช่น ผ่าท้อง ควักไส้ ควักหัวใจ เป็นต้น เมื่อครบกำหนดโทษเหล่านั้นแล้วจึงถูกส่งต่อมาจองจำที่นรกอเวจีนี่ได้สองร้อยกว่าปีแล้วทุกข์ทรมานเหลือเกินฮือ ๆ.....
ชิวเซิง : “เดินทางผิด จิตช้ำ ชั่วกัปกัลป์” เธอก็คือบทเรียนที่ดีสุด แล้วเธอคนนั้นล่ะจงเล่าประวัติมาซิ
วิญญาณ ข :ที่จริงผมเป็นลูกเศรษฐีมีเงิน เนื่องจากถูกพ่อแม่รักและตามใจจนเกินไป จึงเกิดเป็นนิสัยเคยตัวชอบเข้า ๆ ออก ๆในโรงน้ำชาเป็นประจำ ด้วยมาดของอาเสี่ยใหญ่ เมื่ออยากได้สิ่งใด เช่น สาวงาม โบราณวัตถุ หรือเพชรนิลจินดา ย่อมได้สมความปรารถนา หรือแม้แต่ซื้อเจ้าหน้าที่บางคนให้ใส่ความคนเข้าคุก หรือบีบคั้นจนต้องฆ่าตัวตายหรือหลอกพร่าความสาวหญิงชาวบ้าน ทำได้ทุกอย่าง ไม่คำนึงถึงความผิดถูก บัดนี้จึงต้องถูกจองจำอยู่ในอเวจีนี้ชั่วกัปกัลป์ ดื่มกินแต่น้ำดินโคลน เดือด ๆ เวลาหิวแม้แต่ดินโคลนก็ยังกิน หรือแย่งกันแทะกินซากศพของพวกเพื่อน ๆ กระดูกที่กองอยู่ข้าง ๆ นั่นก็คือพวกเพื่อนที่ถูกกินแล้ว
ชิวเซิง :ป่าเถื่อนจริงแท้ มิน่าพวกเธอจึงต้องเป็นเช่นนี้
พัศดี :คุณชิวเซิง...ท่านจี้กงได้รออยู่ที่ปากถ้ำแล้วเราออกไปกันเถอะ
พระจี้กง :วันนี้ต้องรบกวนท่านหน่อยนะ
พัศดี :มิเป็นไร
ชิวเซิง :อาจารย์ครับ วิญญาณบาปพวกนี้ช่างป่าเถื่อนจริง แม้แต่ซากศพของพวกเพื่อนก็ยังแทะกินเลย
พระจี้กง :สมกับคำกล่าวที่ว่า “สันดานเดิมเปลี่ยนยาก” คืนนี้ก็เอาเพียงเท่านี้ก่อน ชิวเซิงกลับสำนักกันเถอะ
ชิวเซิง :ขอลาท่านพัศดีก่อน
พัศดี :ขอส่งท่านจี้กงและคุณชิวเซิง
พระจี้กง :มิต้องหรอก ชิวเซิงขึ้นดอกบัวเร็ว
ชิวเซิง :ผมนั่งเรียบร้อยแล้ว อาจารย์กลับได้
พระจี้กง :ถึงสำนึกเซิ่งเทียนแล้ว ชิวเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าร่าง