พระจี้กงประทับทรง วันที่ 28 เมษายน 2527
ยมบาล ตัดสินตาม กฎบัญญัติ
โทษเคร่งครัด ชำระล้าง จิตหมองศรี
ฆ่าโมหะ เหลือธาตุแท้ ที่โสภี
บำเพ็ญดี ลุมรรคผล นิพพานเอย
พระจี้กง :เมื่อครู่นี้เหล่าเทพพรหม ต่างได้ปรึกษาหารือ เรื่องการโปรดสัตว์โลก บรรยากาศแห่งสิริมงคลพวยพุ่งสู่เบื้องนภา
ชิวเซิง :เรื่องที่อาจารย์หารือกันเกี่ยวกับอะไรครับ?
พระจี้กง :เกี่ยวกับเรื่องหนังสือธรรมะ ว่าจะจ่ายแจกแบบไหน จึงจะได้ประสิทธิภาพมากที่สุด
ชิวเซิง :แล้วผลสรุปเป็นอย่างไรครับ ?
พระจี้กง :วันหลังท่านบรมครูกวนจะประกาศเองเมื่อถึงเวลานั้นสานุศิษย์ทั้งหลายเพียงแต่ปฏิบัติตามอย่างขันแข็งย่อมจะบรรลุผล
ชิวเซิง :ก็ดีซิครับ การสามารถทำให้หนังสือธรรมะแพร่หลายไปในสังคมทุกมุมเมือง เป็นหน้าที่ของผู้ใฝ่ธรรมะอยู่แล้ว โดยเฉพาะหนังสือต่าง ๆที่ลิขิตขึ้นโดยสำนักนี้ ล้วนแต่เจียระไนกลั่นกรองจากเทพพรหมทั้งสิ้น
พระจี้กง :สานุศิษย์สำนักเซิ่งเทียน จะต้องมีความมานะอดทน จึงจะได้รับการสนับสนุนจากผู้มีจิตกุศลทั้งหลาย
ชิวเซิง :ใช่ครับ
พระจี้กง :เธอทราบมั้ยว่า ภายในปีแรกที่สำนักเซิ่งเทียนเปิดสำนักก็จะต้องลิขิตหนังสือถึง 12 เรื่อง
ชิวเซิง :เพราะอะไรจึงต้องให้พวกเราโหมงานแบบนี้ ทั้งที่เพิ่งเปิดสำนักเป็นปีแรกเท่านั้น
พระจี้กง :นี่เป็นเจตจำนงของเหล่าสานุศิษย์เองที่วอนขอต่อท่านประธานกวน เพื่อให้พวกเธอและเหล่าเทพพรหมได้ร่วมกันลิขิตหนังสือันทรงคุณค่าวิเศษนี้ แม้จะเหนี่อยล้าสักหน่อยแต่เมื่อใดวรรณกรรมเหล่านี้ สำเร็จลุล่วงหนังสือธรรมของสำนักเซิ่งเทียนก็จะได้รับการกล่าวขวัญจากผู้คนอย่างกว้างขวาง เมื่อขึ้นปีที่ 2 ก็ต้องพยายามทำให้หนังสือเหล่านี้ สามารถแพร่หลายไปได้กว้างไกลยิ่งขึ้น ซึ่งก็เป็นการรับใช้สังคมอย่างหนึ่ง
ชิวเซิง :โอ ไฉนต้องเร่งรัดเช่นนั้น ?
พระจี้กง :นี่เป็นมหาปณิธานของเจ้าสำนักที่ต้องปฏิบัติตามเทวโองการ
ชิวเซิง :อ๋อ ที่แท้อย่างนี้เอง
พระจี้กง :เธอควรรู้ว่าคุณไช่เซิงต้องรับภาระอันหนักอึ้งในการโปรดสัตว์ ซึ่งมักจะไม่ได้หลับนอนทั้งคืนอยู่บ่อย ๆ ทั้งนี้ล้วนเพื่อเหนี่ยวรั้งใจผู้คนที่กำลังจะจมดิ่งสู่ห้วงทะเลทุกข์มากขึ้น ดังนั้นเขาจึงต้องแบกภาระทั้งสองสำนัก เรื่องนี้เธอคงรู้แล้ว
ชิวเซิง :ครับ ความสามารถของเขา ผมเลื่อมใสจริง ๆผมยังประหลาดใจอยู่ว่าการศึกษาของพี่ไช่ก็ไม่สูงเท่าไรทั้งสุขภาพก็ไม่ใช่ว่าสมบูรณ์นักอาศัยแต่ความมานะอดทนไฉนจึงสามารถเผชิญกับสภาวะอันยากลำบากเช่นนี้ได้ โดยไม่เคยบ่นย่อท้อเลย
พระจี้กง :ทั้งนี้ก็ด้วยการเพิ่มพลังทิพย์จากเทพพรหมเขาจึงทนทานต่อสภาวะดังกล่าวได้ แม้จะทุกข์ลำบากมากหน่อย ทว่า “การกินยอดขมได้ จึงจะเป็นยอดคน” มิใช่หรือ ?
ชิวเซิง :ความจริงก็ใช่ ผมขออวยพรให้ท่านผู้อ่านที่กำลังฝึกฝนธรรมอยู่จงดำเนินไปได้อย่างราบรื่นเพียบพร้อมด้วยโชคลาภและปัญญา ถ้ามีทุกข์ก็ขอให้พวกเราแบกรับแทนก็แล้วกัน
พระจี้กง :เธอมีเมตตาจิตเช่นนี้หายากยิ่งนัก
ชิวเซิง :อาจารย์เยินยอไปแล้ว
พระจี้กง :คืนนี้ท่านยมบาลเชิญเราทั้งสองไปชมการตัดสินคดีที่เมืองยม เธอรู้สึกอย่างไร ?
ชิวเซิง :เป็นการทัศนศึกษา ก็เยี่ยมซิครับ
พระจี้กง :เอาละ...ถึงเวลาเดินทางแล้ว
ชิวเซิง :ผมนั่งเรียบร้อยแล้ว อาจารย์ไปได้แล้วครับ
พระจี้กง :คดีที่ท่านยมบาลจะพิจารณาตัดสินในวันนี้คือ คดีหั่นศพ ซึ่งเป็นคดีครึกโครมในท้องที่แห่งหนึ่ง
ชิวเซิง :ครับ (เมื่อพระจี้กงนำชิวเซิงเข้าไปในห้องโถงได้เห็นยมบาลกำลังชำระคดีวิญญาณบาปตนหนึ่งอยู่ โดยมียมทูตหัววัวและหัวม้ายืนประจำที่อยู่ด้านซ้ายและขวา)
ยมบาล :เจ้าคนบาป เจ้ารู้ความผิดของเจ้ามั้ย ?
วิญญาณบาป :ท่านอ๋อง โปรดอภัยโทษให้ผมเถิดครับ ผมไม่กล้าทำอีกแล้ว
ยมบาล :วันนี้สำนักเซิ่งเทียนแห่งเมืองไถจุงได้รับพระราชโองการให้ลิขิตหนังสือ โดยท่านจี้กงนำนายชิวเซิงมาเยือนถึงที่นี่ เจ้าจงรีบสารภาพมาตามตรงถึงการทำบาปเมื่อครั้งยังเป็นมนุษย์ เพื่อบันทึกลงในหนังสือ
วิญญาณบาป :ผมเป็นคนภาคเหนือ ตั้งแต่เด็กผมมีนิสัยแปลกกว่าคนอื่น ไม่ชอบสุงสิงกับใคร พ่อแม่มักชอบพูดกับผมว่าเป็นผู้ชายต้องเปิดหูเปิดตาไฉนเอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องคนเดียวทั้งวัน ตอนนั้นผมเฉย ๆ ไม่ใส่ใจ จนเมื่อผมแต่งงานมีลูกแล้ว นิสัยเช่นนี้ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง แต่กลับยิ่งร้ายกว่าเดิม พอเจอกับเรื่องไม่สบอารมณ์ก็เกิดความไม่พอใจ โดยเฉพาะถึงกับลงไม้ลงมือทำร้ายคน วันหนึ่งเนื่องจากร้อนเงิน จึงไปขอยืมกับเพื่อน และเพราะถูกเพื่อนดูหมิ่นดูแคลนโดยมองผมด้วยสายตาเหยียดหยาม หนำซ้ำยังพูดจาถากถางอีกว่า “แกนี่ไม่ได้ความเลย แม้แต่ลูกเมียก็ยังไร้ปัญาหาเลี้ยง เป็นลูกผู้ชายแบบไหนกันวะ” เมื่อผมได้ฟังเช่นนั้นก็บันดาลโทสะสุดขีด จึงพูดอาฆาตใส่หน้าว่า “มึงจำไว้เดี๋ยวน่าดู” เนื่องจากขาดสติยั้งคิดไปชั่ววูบ จึงไปหลังบ้าน คว้าเอาขวานอันหนึ่ง ถือโอกาสตอนขณะเผลอ จามไปที่หัวเขาจนสิ้นใจตาย หลังจากนั้นด้วยเกรงคนมาพบเข้า จึงใช้ขวานหั่นศพเป็น 10-20 ท่อน บรรจุลงในกระสอบปุ๋ย แล้วเอาเชือกมัดปากถึง ตกดึกก็นำเอาไปทิ้งในที่เปลี่ยวแห่งหนึ่ง โดยคิดว่าคง
ไม่มีใครรู้ เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนมีคนไปพบเข้า เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการชันสูตรศพหาร่องรอย ในช่วงระยะ 3-4 เดือนที่ผ่านไป ตอนกลางคืนขณะกำลังนอนรู้สึกคล้ายกับมีพลังลึกลับที่มองไม่เห็นตัวอย่างหนึ่ง เที่ยวมาบีบคั้นอยู่ตลอดเวลา นับตั้งแต่ได้ฆ่าเพื่อนแล้ว ผมมักจะคิดเสียใจอยู่เนือง ๆ ว่าผมกับคนผู้นี้ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางรุนแรงอันใด ไม่น่าถึงกับต้องฆ่าเขาอย่างโหดเหี้ยม และยังตัดศพเป็นท่อนอีกด้วย ไม่ควรเลย ในที่สุดด้วยการสืบสวนสอบสวนอย่างได้ผลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผมได้ถูกจับกุมไปดำเนินคดี และศาลได้ตัดสินลงโทษประหารชีวิต ให้ตายตกไปตามกัน โดยการยิงเป้าด้วยกระสุน 3 นัดซ้อนตายคาหลักประหาร
ยมบาล :ทำความผิดใด ย่อมต้องรับโทษนั้น แต่นั่นเป็นเพียงการลงโทษจากกฏหมายเมืองมนุษย์เท่านั้นแล้วถูกกฏบัญญัติเมืองนรกจัดการอย่างไรบ้าง ?
วิญญาณบาป :เมื่อผมตายแล้วยมทูตขาวดำได้จับตัวผมล่ามโซ่ตรวนนำไปที่เมืองนรก ถูกนำไปที่ดงหมาป่าได้ถูกพวกหมาป่ารุมกัดทึ้งจนเป็นแผลเต็มตัว และให้เดินข้ามสะพานมรณะ พอเดินถึงกลางสะพาน ก็ถูกพวกนิรยบาลผลักตกลงไปใต้สะพานให้พวกงูพิษฉกกัด และเจาะชอนไชทะลุเข้าไปที่อกบ้าง ที่ท้องบ้าง ชอนไชเข้าชอนไชออกจนทั่วร่างกายสุดจะทนไหว แล้วยังต้องถูกลงทัณฑ์จากนรกขุมอื่นอีก เจ็บปวดทรมานจนบรรยายไม่ถูก ท่านอ๋องได้โปรดกรุณาอภัยโทษให้ผมสักครั้งเถิดครับ
ยมบาล :ความจริงเราก็เมตตาอยู่ แต่เจ้าสูญสิ้นซึ่งจิตมนุษย์ ใช้วิธีการอันป่าเถื่อนฆ่าเพื่อนแล้วยังหั่นศพเป็นท่อนเช่นนั้น ทำให้จิตวิญญาณของเขากระจัดกระจาย ความผิดของเจ้าร้ายแรงเกินกว่าจะอภัยได้ เราขอตัดสินให้เจ้าตกนรกผึ้งพิษ 30 ปี เมื่อครบกำหนดนี้แล้ว ค่อยพิจารณาโทษอื่นอีกต่อไป
วิญญาณบาป :ท่านอ๋องได้โปรดอภัยโทษให้ผมเถิดครับ โปรดให้โอกาสผมได้กลับตัวใหม่อีกสักครั้ง ผมจะประพฤติตนให้เป็นพลเมืองดีอย่างแน่นอน โปรดอภัยโทษให้ผมเถิดครับ โปรดอภัยโทษให้ผมเถิดครับ
ยมบาล :สายเกินไปเสียแล้ว เจ้าจงไปรับโทษโดยดีเถิด การตัดสินคดีในวันนี้ยุติเพียงเท่านี้ เอาตัวจำเลยไปเลิกศาล !
ยมบาล :ท่านจี้กงเชิญนั่งครับ
พระจี้กง :วันนี้ได้นำศิษย์มาชมการตัดสินคดีด้วยต้องรบกวนหน่อย
ยมบาล :หามิได้ เมื่อครู่นี้เนื่องจากติดหน้าที่ หากมิสิ่งใดขาดตกบกพร่อง ขอท่านจี้กงโปรดอภัยด้วย
พระจี้กง :มิเป็นไร มิเป็นไร นี่ก็ดึกแล้ว คงต้องขอตัวกลับก่อน ชิวเซิงรีบอำลาท่านยมบาล
ยมบาล :เจ้าหน้าที่ยมทั้งหลายตั้งแถวส่งแขก
ชิวเซิง :ชิวเซิงรีบขึ้นดอกบัว
ชิวเซิง :ผมนั่งเรียบร้อยแล้ว อาจารย์กลับได้
พระจี้กง :ถึงสำนึกเซิ่งเทียนแล้ว ชิวเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าร่าง
เทพดาวหลิว :การลิขิตหนังสือในคืนนี้ยุติแล้ว