เยี่ยมยมบาลชมหอหมุนเวียน ดูวิญญาณบาปเลือกทางเกิด
อรหันต์จี้กงเสด็จประทับทรง วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2525 กลอนว่า:
กาลเวลาหมุนเวียนทุกข์สับเปลี่ยน
ผลัดกันเวียนเกิดเป็นสัตว์ดั่งร่ายรำ
เกิดเป็นคนมีโอกาสฝึกฝนธรรม
จงรีบทำอย่าเกียจคร้านรีบสะสาง
ด่านลี้ลับไขสู่แดนนิพพาน
นฤพานไม่ปิดบังทางสว่าง
วนเวียนกรรมชี้เหตุมีดปลดวาง
ตะรางว่างนรกร้างเพราะสิ้นกรรม
อรหันต์จี้กง :การจัดหนังสือ “วงเวียนกรรมของสัตว์โลก” ใกล้จบลงแล้ว หวังว่าสัตว์เดรัจฉานใกล้สิ้นสุดเสียงร่ำไห้ บรรดสัตว์ทั้งหลายแหล่จะกลับไปเกิดเป็นคนอีกครั้งหนึ่ง ไม่ต้องคอยผวาคมมีดหั่นสับปลิดชีวิต ตอนนี้จะเล่านิทานเปรียบเทียบถึงความทุกข์ร้อนของสัตว์ให้ฟัง
สมัยก่อนมีบุรุษหนึ่ง ถือศีลภาวะนาอยู่ในป่าลึก จำศีลทำสมาธิอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ หมู่สัตว์ เช่น อีกา นกเขา งู และกวาง เป็นต้น ต่างก็เคารพนับถือเขาเป็นอย่างมาก ทุกๆวันจะหาอาหารมาให้เป็นประจำ
ในตอนค่ำวันหนึ่ง เหล่าสัตว์ก็มาชุมนุมกันอยู่ใกล้ผู้ถือศีลแล้วสนทนากันขึ้น แล้วก็ตั้งคำถามว่าในโลกนี้เรื่องอะไรที่ทุกข์ที่สุด? อีกาเป็นตัวแรกที่แสดงความคิดเห็นพูดว่า “สิ่งที่ทุกข์ที่สุดในโลกคิดว่าเป็น “ความอดอยาก”ถ้าอดอยากปากแห้งไม่มีกิน มีดื่ม แน่นอนที่สุด ตาจะพร่าปีกจะหมดแรงประสาทก็จะมึน มิช้ามินานก็ไม่พ้นตาข่ายดักนกของคน ถึงตอนนั้นก็ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว ดังนั้นจึงคิดว่าความทุกข์ทรมานของเราก็คือ ความอดอยาก”
นาเขาก็พูดต่อไปว่า “ถึงแม้ความอดอยากจะเป็นเรื่องทุกข์ทรมานมาก็ตาม แต่สำหรับพืชพันธุ์ พวกข้าแล้วยังมีเรื่องที่ทุกข์ร้อนกว่าความอดอยาก นั่นก็คือ “ความใคร่ตัณหาราคะ” มันมักเกิดขึ้นบ่อยๆ จากความใคระ พอเกิดขึ้นแล้วก็ยากที่จะหาเหตุใดๆ มายับยั้งได้ ขาดสติสัมปชัญญะ แยกผิดถูกไม่ออก ในที่สุดก็ตกสู่ภาวะอันตราย ทำให้สูญเสียคุณค่าของชีวิตไป อันความใคร่นี้เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ยากที่จะอดกลั้นได้ ซึ่งข้าคิดว่าเป็นความทุกข์ที่ทรมานที่สุด”
ถัดไปจากงูก็พูดว่า “สิ่งที่ทุกข์ทรมานที่สุดของเผ่าพันธุ์เราก็คือ “อวิชา” ด้วยอวิชาทำให้ใจเกิดความโกระเคือง เมื่อใดก็ตามถ้าไฟโกรธได้ถูกจุดติดขึ้นในจิตใจแล้วละก็ พี่น้องก็จะไม่กลมเกลียวสมานกันจะทำให้เกิดการกัดกันตาย ในที่สุดก็ตายกันทั้งหมด ด้วเหตุที่ว่า พวกเรามีความโกรธเคืองเกินไปดังนั้น เขี้ยวของเราจึงมีพิษร้ายฝังอยู่ เลยทำให้ผู้คนกลัวเกรงแต่พวกเขาก็ยังต้องการฆ่าพวกเราเสียไม่ยอมปล่อยไป นี่ไม่ใช่ความทุกข์ทรมานที่สุดหรอกหรือ?
สุดท้ายเจ้ากวางก็พูดว่า “ความเจ็บปวดทรมานที่สุดของพวกข้าก็คือ “ความตกใจกลัว” เมื่อพบพวกหมาป่าเสือ เสือดาว ต่างๆ กลัวที่จะถูกพวกมันฆ่ากิน พวกเราก็ได้แต่กระโจนหนี แล้วยังมีพวกพรานป่าอีก ชอบใช้เราเป็นเป้ากระสุน ทำให้ต้องพรากแม่พรากลูก จากกันไม่กี่วันกลับทำให้ชีวิตไม่สงบสุขเลย มันม่าสมเพชยิ่งนัก และก็เป็นความทุกข์ทรมานมากที่สุด”
พวกมันสนทนากันอย่างเผ็ดร้อน แต่ละวันหลังจากแสดงความรู้สึกในใจแล้ว บุรุษผู้ถือศีล ที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็เปิดปากพูดด้วน้ำเสียงที่เรียบและช้าว่า
“เรื่องราวทั้งหมดข้าได้ฟังหมดแล้ว ปัญหาที่พูดถึงก็เป็นความทุกข์ของแต่ละบุคคล ควรจะรู้ไว้ว่าความทุกข์ของแต่ละบุคคลขึ้นอยู่กับร่างกายที่มีอยู่ กายเนื้อที่มีนี้เป็นเครื่องก่อให้เกิดทุกข์ อันความทุกข์ในโลกนี้มากเหลือหลาย ความทุกข์ที่น่าเกลียดน่าชังที่สุดของคนเรานั้นก็คือร่างกาย ร่างกายเป็นสิ่งน่าชัง ถ้าปราศจากร่างกาย ความทุกข์ทั้งหลายก็มลายสิ้นอย่างเช่น ข้าออกฝึกธรรมะบำเพ็ญเพียร ประสงค์ที่จะตัดแดนปลดปล่อย สู่นิพพานแล้ว ความทุกข์ทั้งมวลก็สูญสิ้นจบลง ถึงตอนนั้น ร่างกายก็จะอยู่ได้อย่างสงบสุขอย่างแท้จริง!”
พวกสัตว์ทั้งหลายได้ฟังอย่างสงบแล้ว ต่างก็ผงกหัวรับรู้แสดงออกถึงความเข้าใจและบรรลุในธรรมะ ทำให้จิตใจสุขสงบ
วันนี้ฉันจะพาหยางเซิงไปเมืองนรก ไปเยี่ยมยมบาลจ้วนหลุนหวัง นรกขุมที่สิบดูวิธีการตัดสินให้คนไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานจะได้นำลงในหนังสือ “วงเวียนกรรมของสัตว์โลก”หยางเซิงเตรียมตัวขึ้นดอกปทุมทิพย์
หยางเซิง :ผมนั่งบนดอกปทุมทิพย์เรียบร้อยแล้ว ขอเชิญอาจารย์ออกเดินทางได้ครับ!
อรหันต์จี้กง :เรามาถึงแดนต่อแดนระหว่างมนุษย์โลกกับยมโลกข้างหน้าเป็นทางสองแพร่ง เราหยุดดูข้างหน้าสักหน่อย
หยางเซิง :ไม่ได้มาที่นี่นานแล้ว ที่สามแยกนี้ เมื่อคนมาจากมนุษย์โลกมีทางหนึ่งแยกไปสวรรค์ ผู้คนไปสวรรค์น้อยมากแต่แยกที่ไปยมโลกมีคนไปกันมาก ไม่ทราบสาเหตุเพราะอะไร?
อรหันต์จี้กง :เมืองนรกบรรยากาศค่อนข้างคึกคัก ชาวโลกชอบไปยังสถานที่แออัดและครึกโครม โดยหารู้ไม่ว่าสถานที่เหล่านั้นเป็นที่รับโทษทัณฑ์กัน เหมือนฝูงแมลงวันชอบของหวาน พอกินไปเกาะบนการะดาษข้างเหนียวที่เคลือบหวานไว้ ก็ฝังรกรากสำเร็จเป็นพระอรหันต์เลย
หยางเซิง :ทำไมอาจารย์จึงพูดว่าฝังรากสำเร็จเป็นอรหันต์เล่าครับ?
อรหันต์จี้กง :ก็เพราะแมลงวันเกาะบนกระดาษเหนียวแล้วก็กลับกลายเป็นคนดี ไม่ต้องบินไปเที่ยวปล่อยเชื้อโรคอีกมิใช่เป็นการวางดาบลง เพื่อสำเร็จอรหันต์หรอกหรือ?
หยางเซิง :อาจารย์ช่างปรียบเปรยได้แยบยลดีเหลือเกิน
อรหันต์จี้กง :หนังสือ “วงเวียนกรรมของสัตว์โลก”กำลังจะสำเร็จเป็นรูปร่างขึ้น เหล่าสัตว์ทั้งหลายต่างดีอกดีใจ ใครสามารถสัมผัสเสียงความทุกข์โศก วิงวอนขอชีวิตของสัตว์? ฤทธิ์เดชพุทธะยิ่งใหญ่ต้องการโปรดสัตว์ทั่วทุกแดน ชาวบ้านปากก็บอกว่าจะช่วย แต่ก็น้อยคนนักที่จะทำได้ อาตมารับคำบัญชาจากสวรรค์ช่วยเปิดประตูสวรรค์ ช่วยโปรดวิญญาณจากขุมนรก ในมนุษย์โลกก็พยายามตักเตือนผู้มีจิตศรัทธานับจำนวนไม่ได้และช่วยพวกสัตว์เดรัจฉานรื้อเล้ารื้อกงขัง ปล่อยให้พวกมันได้อยู่ห่างไกลผู้คน ได้กลับไปสู่ธรรมชาติอีกครัง ก็จะทำให้อาตมาสมหวังที่ทำสำเร็จลุล่วงไป ถ้าหากชาวโลกไม่ศรัทธาเชื่อถือ แถมยังกล่าวร้ายป้ายสี ถ้าคำพูดเหล่านี้เกิดจากบุคคลสามัญ ก็ยังพอให้อภัยกันได้หากเกิดจากพุทธศาสนิกชนละก็อาตมาก็ได้แต่พูดว่า “น่าสงสาร น่าสงสาร” พวกเขาไม่รู้การโปรดสรรพสัตว์นั้น ทำให้คนค่อยห่างไกลจากธรรมะ แสงธรรมสาดส่อง โดยไม่มีที่ไม่ถึง แปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์ อาตมาเลือกเอาจิตวิญญาณของเทพกับคนร่วมกันเข้าประทับทรงเพื่อแต่งคัมภีร์วิเศษ เพื่อเป็นกำลังใจส่วนหนึ่ง ในการโปรดสรรพสัตว์ หวังว่าสรรพสัตว์จะบรรลุแจ้ง ละทิ้งรูปขันธ์ที่ขัดแย้ง! หยางเซิงเข้าไปยังนรกขุมที่สิบกันเถอะ (ศิษย์อาจารย์ตั้งใจมาชม “หอหมุนเวียน” ยมบาลแห่งหอหมุนเวียได้มาคอยต้อนรับเราอยู่แล้ว
หยางเซิง :ศิษย์ขอคารวะท่านยมบาลแห่งหอหมุนเวียน(จ้วงหลุนหวัง)
จ้วงหลุนหวัง:หยางเซิงมิต้องเกรงใจ ท่านทั้งสองลำบากมากนะครั้งก่อนได้รับเทวโองการให้ทำหนังสือ “เที่ยวเมืองนรก”ได้มาเยี่ยมเราที่นี่ครั้งหนึ่งแล้ว เหตุการณ์ส่วนใหญ่ของที่นี่ได้ถูกเปิดเผยให้แก่ชาวโลก แต่ได้หนักไปในแนวทางมนุษยธรรมวันนี้จะแนะนำให้ดูการเวียนเกิด เพื่อชาวโลกจะได้ตระหนักตอนนี้ขอเชิญท่านทั้งสองตามข้ามายัง “หอหมุนเวียน”
หยางเซิง :มองเห็นศาลาดื่ม “น้ำลืมชาติ” อยู่ข้างซ้ายมือของหอหมุนเวียน ฝูงชนเข้าแถวกันเป็นระรอกๆ เดินมายังหอหมุนเวียน
ยมบาล:พวกเขาต่างดื่มน้ำลืมชาติแล้ว แต่ทุกคนยังมีสติอยู่จะเดินเข้าสู่หอหมุนเวีย รอจนกว่าจะหอหมุนเวียนจึงจะมืนงงสลืมสลือโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวก็กลับชาติไปเกิดใหมีแล้ว พวกวิญญาณที่มึนงงเหล่านี้ ล้วนไปเกิดเป็น สัตว์เดรัจฉานทั้งหมด
หยางเซิง :มิน่าเล่า หน้าตาของแต่ละคนถึงดูเหี้ยมเกรียมนักไม่เห็นมีใครที่หน้าตาละมุนละไม บ่งบอกถึงผู้มีบุญ มิทราบว่า! พวกเขาได้ผ่านการลงโทษจากขุมนรกต่างๆ มาแล้วหรือ?
ยมบาล : เขาเหล่านั้นผ่านการรับโทษทัณฑ์มาแล้ว ตอนนี้กำลังปล่อยให้เขาออกจากขุมนรก เพื่อโปผุดไปเกิดใหม่?
หยางเซิง :พวกเขาได้รับอิสรภาพแล้ว ขอเรียนถามท่านยมบาลตามเหตุผลแล้ว เมื่อผ่านการลงโทษจากขุมนรกแล้ว ก็น่าจะหมดเคราะห์กรรม ทำไมยังต้องกลับไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานอีกมิเป็นการเหลือทนหรอกหรือ?
ยมบาล:สวรรค์มีคุณธรรม การให้พวกเขาได้เกิด ควรจะได้รับความยุติธรรม พวกเขาได้รับโอกาสให้เกิดเป็นคนแล้ว แต่ไม่รู้จักประพฤติตนให้เป็นคนดี มันน่าเสียดายจริงๆดังนั้นชาติต่อไปก็ต้องละขั้นให้เกิดเป็นสัตว์ เพื่อให้เหมาะสมกับความประพฤติบ้าง ให้รู้ว่าการเกิดเป็นสัตว์มีรสชาติอย่างไรเพื่อให้โอกาสทดลองจริงๆ จะได้เป็นการตักเตือนแบบหนึ่งรอจนกว่าชาติต่อไป ค่อยเลื่อนขั้นขึ้นใหม่ มีคำกล่าวไว้ว่า “สูญเสียอิสรภาพเมื่อไร จึงรู้คุณค่าของมัน” อันนี้เป็นบทเรียนที่ให้ทักษะที่ดี ไม่มีให้เลือกมากไปกว่านี้แล้ว สวรรค์ยังยอมเหลือเส้นทางไว้ทางหนึ่งสำหรับผู้ที่ไม่ประพฤติตนเป็นคนดี อย่ากล่าวโทษว่าสวรรค์ไม่ยุติธรรมเลย! พวกเขาต่างเกิดในที่ต่างๆกัน พอเกิดขึ้น หน้าตาก็เปลี่ยนไป ก็เหมือนผู้ที่ถูกจำคุกอย่างยาวนานในมนุษย์โลก พอพ้นจากคุกออกมาย้ายกันไป ไม่รู้จะไปค้าหาญาติโยมได้ที่ไหน ดังนั้นในยมโลกเมื่อวิญญาณพ้นโทษแล้วจึงให้กลับไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานเหตุผลก็เช่นเดียวกันกับมนุษย์โลก
หยางเซิง :อ๋อ! ด้วยเหตุนี้เอง คนเหล่านี้จึงมองดูไม่เหมือนคนมีบุญ ไม่ทราบว่าท่านยมบาลได้จัดช่องทางอะไร ไว้ให้?
ยมบาล:พวกเขาล้วนมีพลังของสัตว์เดรัจฉาน ดังนั้น เพื่อให้พวกเขาได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม เพื่อว่าเขาเหล่านั้นจะได้พอใจ!
หยางเซิง :บนเส้นทางหมุนเวียน ดูเหมือนพวกเขาต่างเลือกสรรกันเอง ไม่เห็นมีผีสางที่ไหนจัดแจงให้
ยมบาล:ถูกต้องแล้ว! อยากเป็นคน เป็นไก่ เป็นวัวเป็นควาย เลือกกันเองอย่างอิสระ สิทธิมนุษย์นั้นยิ่งใหญ่ กงล้อหมุนเวียนบนหอหมุนเวียนในยมโลกนั้น เป็นเหมือนสถานีคมนาคม ส่งพวกเขาไปยังบ้านที่เขาต้องการเท่านั้น ตอนนี้เรามาดูการจัดแจงคนชุดนี้กันเถอะ
หยางเซิง :(ยมบาลนั่งอยู่บนบัลลังก์ ขุนพลหน้าม้า หน้าวัว ยืนเรียงอยู่ทั้งสองข้าง ขณะกรรมการทั้งฝ่ายอักษรและฝ่ายพลาธิการต่างเข้าที่)ศิษย์นึกถึงปัญหาข้อหนึ่ง ใคร่เรียนถามท่านยมบาล?
ยมบาล:มีปัญหาอะไร เชิญถามมาได้!
หยางเซิง :ยมโลกมีขุนพลหน้าม้าหน้าวัว ถึงเป็นการเปลี่ยนแปลงทางหน้าตา แต่ก็ไม่พ้นเป็นสัตว์เดรัจฉานประเภทหนึ่ง ทำไมยมโลกจึงต้องเอาคนหน้าม้าหน้าวัวมาเป็นยมทูตด้วยล่ะ?
ยมบาล :อาฮ้า! หยางเซิงถามได้ดีมาก คนเลวบนโลกมนุษย์ไม่ชอบเป็นคนดี ซึ่งก็ไม่ต่างไปจากวัว ควาย เพียงมิไว้ลงแส้ให้คนใช้งาน ดังนั้นจึงเห็นคนหน้าม้าหน้าวัวในยมโลกให้คนเกรงขาม เหมือนใช้ม้าใช้วัวควบคุมพวกม้าพวกวัว เป็นการจัดแจงอย่างมีกลยุทธ คนหน้าม้าหน้าวัวในยมโลกก็ยกย่องเป็นขุนพล ก็เหมือนตำแหน่ง “พัสดี” ในโลกมนุษย์ที่คอยควมคุมนักโทษ ตอนนี้คอยดูข้าว่าความบนบัลลังก์
วิญญาณนักโทษฟังคำสั่ง: เนื่องจากที่นี่คนทรงจากโลกมนุษย์ นายหยางเซิงแห่งสำนักเซินเต๋อถังเมืองไถจง มาเยี่ยมพร้อมกับอาจารย์อรหันต์จี้กง เพื่อทำหนังสือ“วงเวียนกรรมของสัตว์โลก” เป็นการเตือนชาวโลก ทั้งหมดก็ได้ผ่านการรับโทษจากขุมต่างๆมาแล้ว มาถึงขุมนี้เพื่อปลดปล่อยให้กลับไปเกิดใหม่ ไม่ทราบว่าใครจะไปเกิดที่ไหนกันบ้าง?เนื่องจากวันนี้มีคนในมนุษย์โลกมายู่ที่นี่ ข้าก็จะปลดปล่อยอย่างเสรีเป็นพิเศษสักครั้งหนึ่ง ให้พวกเธอเลือกสรรกันเองเนื่องจากพวกเธอได้ดื่มน้ำลืมชาติมาแล้ว ถึงแม้จะมีสติอยู่แต่ก็จะค่อยๆ ลืมเลือนเรื่องที่ผ่านมา อาศัยโอกาสนี้เลือกให้เหมาะ!
หยางเซิง :(พอยมบาลกล่าวจบ บรรดาวิญญาณนักโทษต่างร้องไชโยด้วยความดีใจ ขอบคุณยมบาลเป็นการใหญ่ กล่าวว่า “วันนี้เป็นเลิศฟ้าเลย! ได้รับทุกข์ทรมานมามากแล้ว ชาติหน้าขอเกิดในบ้านตระกูลร่ำรวยจะได้สุขสบายสักครังหนึ่ง”)
ยมบาล: อาศัยโอกาสนี้ ทุกๆ คนมีสิทธิ์เลือกหนทางของตนเอง ข้าก็จะจัดแจงให้ตามคำขอ ตอนนี้ ให้วิญญาณนาย ก .พูดออกมาว่าจะไปไหน บอกมาเร็วๆ
วิญญาณ ก:ผมอยู่ในยมโลกได้รับทุกข์ทรมานมาก ชาติที่แล้ว เที่ยวปล้นจี้ไปทั่ว ข่มขืนลูกชาวบ้าน เป็นคนร่อนแร่ ชาติหน้าขอเกิดเป็นคน เกิดเป็นชายในบ้านตระกูลร่ำรวย จะได้กินดื่มทุกๆวัน กอดหญิงเต้นรำจะได้สุขสบายสักชาติ!
ยมบาล:สติของเจ้านั้นว่าดีอยู่ ยังไม่ละทิ้งนิสัยอันธพาลข้าก็จะจัดแจงตามความปรารถนาของเจ้า ขอให้ฝ่ายอักษรจงจดลงไปทางพลาธิการให้ขุนพลหน้าม้าหน้าวัว นำไปยังหอหมุนเวียน ประทานเสื้อลายดอกให้ชุดหนึ่ง ให้เขาไปเกิดเป็นนกที่อยู่บนเขา
หยางเซิง :ท่านยมบาลทำไมไม่ให้เขาเกิดตามคำขอให้เกิดเป็นคนล่ะ?
ยมบาล :หยางเซิงเธอไม่รู้อะไร? ถ้าให้เขาเกิดเป็นคน มิเป็นภัยต่อสังคมหรอกหรือ? ข้าจัดแจงใหเขาเกิดในสิ่งแวดล้อมที่สวยงาม ตามความต้องการของใจเขาอาศัยอยู่ “บนตึกสูง” ก็คือ “ต้นไม้สูง” ใส่เสื้อผ้าหลากสี ก็ปีกนกของเขามีขนหลายสีเป็นที่นิยมในสังคม ปากก็ร้องจิ๊บๆจั๊บๆ น่ารื่นรมย์ กระโดดจากต้นนี้ไปต้นโน้นประดุจดั่งเต้นรำไงล่ะ ดอกไม้หลากสีดังแสงไฟสีต่างๆ น่าสุขสบายเหลือหลาย เพื่อนนกเพื่อนหญิง เป็นหมู่เป็นเหล่า หาในปาน! สิ่งที่ดื่มไม่หมด น้ำในลำธาร ดื่มแล้วก็ไม่เมาเหล้า “สดชื่น” ชั้นหนึ่งหาได้ยากในมนุษย์โลกข้าจัดแจงแบบนี้ เหมาะสมที่สุดแล้ว!
หยางเซิง :ท่านยมบาลจัดแจงได้แยบยล ข้าขอยอมทั้งจิตทั้งใจ
ยมบาล :วิญญาณ ข. รีบขอมาไวๆ
วิญญาณ ข.:ข้าอยู่ในนรกได้รับทุกข์มหันต์ ชาติหน้าขอเกิดเป็นคนขอให้อยู่อย่างสุขสบายไปวันๆ อยากรูปหล่อให้มีขนเต็มตัวเวลานอนมีเตียงเย็นๆ อาหารสามมื้อมีคนใช้ส่งมาให้ เพื่อนฝูงเต็มบ้าน ข้าจะได้นอนคุยทั้งวัน เดินหย่อนอารมณ์สบายๆไม่ต้องทำงาน ชีวิตผ่านไปวันๆ ข้าก็พอใจแล้ว
ยมบาล :ดีเหนือเกิน! เมื่อชาติก่อนเห็นคนถือศีลกินเจพูดจาเสียดสี ยังบอกคนไม่ให้กินเจ กินเนื้อมากๆ ดีจะได้ช่วยสัตว์ได้พ้นทุกข์ไวๆ ! แล้วยังพูดกล่าวหาว่าคนกินเจ นั้นเพราะทำบาปไว้มาก แล้วยังทำลายการกินเจของคนๆหนึ่ง แล้วยังเผาพระธรรมและหนังสือธรรมะทิ้ง แล้วยังล้มหนี้คนมากมายคำสั่ง! ให้ขุนพลหน้าม้าหน้าวัว ประทานเสื้อดำให้หนึ่งตัวแล้วนำไปยังหอหมุนเวียนให้มันไปเกิดเป็นหมู!
หยางเซิง :ท่านยมบาลให้พาไปเกิดเป็นหมู ท่านจะอธิบายว่าอย่างไร?
ยมบาล :เจ้านี้ก็ร่อนเร่พเนจร อยากรูปหล่อ ก็ให้มันมีขนสีดำเต็มตัว อาหารสามมื้อมีคนส่งให้กินไม่ต้องทำงาน ก็ต้องเป็นหมูขี้เกียจ เหมาะสมกที่สุดแล้ว เนื้อหมูจะได้ให้คนกินเพราะเขาสนับสนุนให้คนกินเนื้อมากๆ อย่ากินเจ นี่เป็นการสนองของกฎแห่งกรรมอย่างพิสดาร มันเป็นสี่งที่คิดไม่ถึง
หยางเซิง :ท่านยมบาล ตัดสินดีแท้ๆ
ยมบาล : วิญญาณ ค. เธอรีบบอกความจำนงมา
วิญญาณ ค.:ได้รับโทษหมดจากขุมนรก เห็นขุนพลหน้าม้าหน้าวัวน่าเกรงขาม รู้สึกใจคอไม่ค่อยดี ผมคิดอยากเกิดเป็นคน อยากจะได้เป็นตำรวจ จะได้จับผู้ต้องหามาแก้แค้นสักที!
ยมบาล:ดีมาก!ชาติก่อนเจ้าเกิดมาเป็นขโมย เพื่อลักเล็กขโมยน้อย แล้วยังฆ่าเจ้าทรัพย์ถึงตาย เธอมีใจจะรักษาความสงบจะได้สร้างกุศลชดเชยที่แล้วมาก ต้องการปราบทุกข์บำรุงสุขไม่อยากให้เจ้าทำอวดเบ่ง ถ้าหากทำไม่เหมาะสมกับหน้าที่กลัวจะผิดวินัยแล้วจะอดอยาก คำสั่ง! ขุนพลหน้าม้า หน้าวัว ประทานเสื้อขนให้ 1 ชุด ใหเขาไปเกิดเป็นแมว
หยางเซิง :ท่านยมบาลให้เขาเกิดเป็นแมว จะอธิบายอย่างไร?
ยมบาล:อยากเป็น “ตำรวจ” เกิดเป็นแมวก็เหมาะสมแล้วพวกลักเล็กขโมยน้อย พวกคนเลว ถูกขนานนามว่า “หนู” พอเห็นแมวก็รีบซ่อน แมวนั้นอวดเบ่งแค่ไหน แต่ถ้าปฏิบัติหน้าที่ไม่ดีก็จะอดกินข้าว
หยางเซิง :ท่านยมบาลแยบยลดีจริง
ยมบาล:วิญญาณ ง. เธอต้องการเป็นอะไร?
วิญญาณ ง.:เนื่องจากชาติก่อนข้าถูกผู้ชายหลอกลวงหลายครั้งชาติหน้าขอแก้แค้น!
ยมบาล :ถ้าหากให้เธอตามคำขอ อนาคตน่าเศร้า ข้าสงสารเจ้าเมื่อชาติก่อนพลาดท่าเสียทีตกอยู่ในโลกีย์ ถูกคนหลอกลวงเสียทั้งเงินเสียทั้งตัว ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องตกลงไปอีก
อรหันต์จี้กง :เพื่อโปรดสัตว์ทั้งสามโลก เพื่อให้สัตว์เดรัจฉานได้กลับเกิดเป็นคนโดยเร็ว ขอเชิญท่านยมบาลโปรดได้คิดไตร่ตรอง
ยมบาล :ครับผม มีคำสั่งให้ขุนพลหน้าม้าหน้าวัว ประทานเสื้อขาวดำ แล้วให้เธอไปเกิดเป็นโคนมที่ประเทศอเมริกาโน้นจะได้ให้นมแก่ทารก เพื่อจะได้หมดเวร
หยางเซิง :โคนมให้เลี้ยงมนุษย์ชาติ ก็มีบุญกุศลมิใช่หรือ?
ยมบาล:มีแน่! ถ้าจัดแจงตามใจเธอ ก็ควรให้เกิดเป็นสุนัขเพศเมีย แต่ไม่อยากให้เธอตกต่ำลง จึงให้เกิดเป็นโคนม
หยางเซิง :ยมบาลแม้จะเฉียบขาด แต่ก็ยังมีความเมตตา น่านับถือยิ่งนัก!
ยมบาล : เจ้าวิญญาณ จ.รีบแจ้งความประสงค์มา!
วิญญาณ จ :ข้าคิดเกิดเป็นคน อาศัยในบ้านคอนกรีตเสริมเหล็กแข็งเรง อาหารสามมื้อมีคนหาให้ ร่างกายแข็งแรงกำยำ มีอำนาจเหนือคน คนพบคนก็กลัว จะได้หายแค้นจากการถูกฆ่าเมื่อชาติก่อน!
ยมบาล:ดีมาก! ความมุทะลุยังไม่จางหายไป ยังคิดมีอำนาจคำสั่งถึงขุนพลหน้าม้าหน้าวัว เตรียมเสื้อหนังลายให้หนึ่งตัวแล้วพาไปหอหมุนเวียน ให้มันไปเกิดเป็น “เสือ”!
หยางเซิง :เห็นหน้าตาดุร้ายเหี้ยมเกรียม ให้ไปเป็นเสืออีกมิเป็นการเพิ่มปีกให้เสือหรอกหรือ?
ยมบาล :ไม่หรอก! ถึงแม้เขาจะดุร้าย สุดท้ายก็ถูกจับขังไว้ในกรงในสวนสัตว์ ให้เขาอยู่ในกรงเหล็กที่แข็งแรง ห้องสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กเหมือนถูกขังอยู่ในคุก ไว้ให้เด็กชมเล่นชาติก่อนเขาเป็นคนที่ข่มเหงรังแกชาวบ้าน รีดนาทาเร้น ส่งใดไม่ชั่วไม่ทำ ฆ่าคนเป็นว่าเล่น สุดท้ายถูกเขาฆ่าตาย ตอนนี้กรรมกำลังตามสนอง รีบให้วิญญาณมันไปยังหอหมุนเวียน
วิญญาณ ฉ:ผมรับกรรมในขุมนรกมาหมดแล้ว ทุกข์ทรมานจนกล่าวไม่ถูก ชาติก่อนก็ยากจนไม่เคยได้รับความสุข ชาติหน้าผมขอถือศีลกินเจ ขอร้องเพียงอย่างเดียว ขอให้มีบังกะโลสักหลังหนึ่ง สร้างอยู่บนเนินเขาน้ำไหลใสสะอาด ให้ผมได้รับความสุขจากธรรมชาติ แค่นี้ก็พอใจแล้ว
ยมบาล :ดีมาก! คำสั่ง ขุนพลหน้าม้าหน้าวัว ประทานเสื้อสีเทาให้ แล้วพาไปหอหมุนเวียน ไปเกิดเป็นแพะ
หยางเซิง :ทำไมอย่างงั้นล่ะ?
ยมบาล :วิญญาณผู้นี้ชาติก่อนทุกข์ยาก อาศัยในกระต๊อบยังชีพด้วยการเก็บของเหลือทิ้ง มีวันหนึ่งมันไปเจอผู้หญิงปัญญาอ่อนคนหนึ่ง ข่มขืนจนเด็กตั้งท้อง ทำความเลวร้ายให้กับคนอื่น บาปกรรมหนักมาก ดีที่มันสำนึก เลยให้มันไปเกิดเป็นแพะ กินหญ้า อาศัยอยู่บนภูเขา กระต๊อบหลังคาจากนั่นก็คือ บังกะโลเนินเขา น้ำไหลใสสะอาดล่ะ! ต่อไปก็ถือศีลกินเจไปเรื่อยๆ
หยางเซิง :ท่านยมบาลช่างจัดแจงได้ยอดเยี่ยมจริงๆ
อรหันต์จี้กง :เนื่อจากเวลามีจำกัด สังเกตการณ์หอหมุนเวียเกิดของสัตว์เดรัจฉาน พอเป็นสังเขปแล้ว หยางเซิงเตรียมตัว
ยมบาล :ขอรับ! มีคำสั่งให้เหล่ากรรมการทั้งฝ่ายอักษร และพลาธการ พร้อมขุนพลจัดแถวส่งแขก
หยางเซิง :ขอบคุณ ท่านยมบาลที่ชี้แนะอย่างพิสดาร ทำให้ผมเข้าใจถึงเหตุผลที่แท้จริง ดังคำที่ว่า “สรรพสิ่งเกิดจากใจสร้างขึ้น” ขอกราบลาท่านยมบาล กระผมนั่งเรียบร้อยแล้วเชิญอาจารย์กลับสำนักได้
อรหันต์จี้กง :สำนักถึงแล้ว วิญญาณกลับเข้าร่างได้
ทำนากลางตะวัน ต้องเหนื่อยกันเพื่อผลงาน ใครรู้ข้าวในจาน กว่าได้ทานลำบากจริง