สมัยราชวงศ์ชิง มีนักศึกษาคนหนึ่งชื่อจางซื่อจิ้น เขาเป็นคนหังโจว นายจางเป็นคนที่มีบุคลิกดี สง่างาม เกิดอยู่ในตระกูลผู้ดี เขาสอบได้เป็นเกยนั้ง เมื่อยังเยาว์วัย อนาคตของเขาส่อแววว่าจะมีความรุ่งโรจน์ถึงเวลาไปสอบจิ้นสือ เขาได้ร่วมเดินทางพร้อมกับพี่ชายที่ชื่อจางซื่อหวาง ทั้งสองได้พักอยู่ที่บ้านของชาวบ้านหลังหนึ่งเพื่ออ่านนหนังสือเตรียมสอบ ตรงข้ามบ้านที่เขาพักเป็นโรงเจของแม่ชี จางซื่อจิ้นชอบเข้าไปเที่ยวเตร่และรู้จักแม่ชีสาวนางหนึ่ง เมื่อสนทนากันก็รู้ว่า พ่อแม่ของนางได้มอบเงินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งให้นางตอนบวชชี เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการซื้อของไหว้พระตลอดชีวิต
จางซื่อจิ้นเกิดความคิดชั่วร้ายขึ้นมา อยากได้ทั้งตัวแม่ชีและทรัพย์สมบัติของนางด้วย จึงได้พยายามตีสนิทอาศัยคารมและบุคลิกดีในที่สุดแม่ชีก็หลงคารมจนได้ และเสียตัวให้เขา เพื่อให้ได้ความไว้วางใจจากเธอ เขาจึงให้คำสาบานว่า รอให้เขาสอบเสร็จแล้วก็จะมาสู่ขอ
แม่ชีนางนั้นเห็นว่าไหน ๆก็เสียตัวให้เขาแล้ว ก็ยอมเป็นคนของเขา เมื่อเห็นเขาสบถสาบานด้วย จึงได้มอบเงินก้อนหนึ่งให้เขาเป็นค่าใช้จ่ายในงานมงคล เมื่อนายจางได้ทั้งตัวทั้งเงินแล้วมีความพออกพอใจมาก เขาเป็นคนไม่เชื่อเรื่องกฏแห่งกรรม เมื่อผลการสอบออกมาว่าสอบตก เขาก็ไม่ทำตามคำมั่นสัญญา จึงชวนคนรับใช้เดินทางกลับบ้านเกิด ส่วนแม่ชีสาวเมื่อรู้ว่าถูกหลอก ก็เสียใจมาก เลยคิดสั้นโดยการผูกคอตาย จนกลายเป็นผีพยาบาทเที่ยวติดตามนายจางทันที ระหว่างทางนายจางมีอาการสติฟั่นเฟือนแล้วล้มลงกับพื้น เขาได้ร้องตะโกนออกมาซึ่งเสียงนั้นเป็นเสียงของแม่ชีสาว ซึ่งดุด่านายจางว่าเป็นคนทรยศรัก เป็นคนโกหก
คนรับใช้เห็นเช่นนั้น จึงรับปากแทนเจ้านายว่า จะนิมนต์พระสงฆ์ช่วยสวดมนต์แผ่กุศลให้และขออโหสิกรรมด้วย แต่แม่ชีสาวขณะนั้นได้กลายเป็นผีไปแล้ว อาศัยปากนายจางซื่อจิ้นด่าออกมาว่า “แค้นนี้ยากแก่การอภัยเนื่องด้วยข้าเป็นแม่ชี เป็นพุทธมามกะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ถูกเขาใช้วาจาหว่านล้อมจนข้าต้องเสียสาว ยังได้หลอกเงินทองของข้าไปอีกแค้นนี้ต้องชำระ ฉะนั้นกุศลใด ๆ ก็ยากต่อการขออโหสิกรรมได้”
นายจางถูกผีสิงในร่างตลอดเวลา เมื่อกลับถึงบ้านเขาได้ร้องด้วยความเจ็บปวดเป็นเวลา 3 วัน 3 คืน ในที่สุดวิญญาณของเขาก็ถูกกระชากออกจากร่างตามแม่ชีสาวไป
แผ่เมตตาทุกวัน
ลื่อโจ๊ว
ขอสรรพชีวิต
ผู้ก้าวล่วงทุกข์เวลานี้
จงพ้นเคราะห์กรรมนี้เถิด
ขอบุญกุศลแห่งข้าฯ ที่เพียรบำเพ็ญ
เป็นแรงส่งให้รอดพ้นด้วยเถิด
ขอพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง
หลักธรรมแห่งเต๋า ไม่มีอะไรเกิดได้โดดเดี่ยว
ลื่อโจ๊ว
บนแผ่นฟ้าแผ่นน้ำ เป็นกระจกส่องกัน
เมฆหมอกเป็นฉากกั้น คลื่นลมปรากฏการณ์
ผันผวนไปตามกาล สัตว์น้อยใหญ่อุบัติขึ้น
ล้วนเป็นคู่เรียงเคียงไป สิ่งจะเกิดต้องมีสอง
เป็นเหตุเป็นปัจจัย จึงจะเกิดอีกสิ่งหนึ่ง
บางคู่เกิดมาเพื่อเสริมกัน บางคู่เกิดมาหักล้างกัน
การเกิดของสรรพสิ่ง ล้วนมีเหตุมีปัจจัย
ให้เกิดให้เป็นต่าง ๆ เช่นว่าความมืดเกิด
ความสว่างหายไป ความสว่างปรากฏ
ความมืดก็หายไป ชายหญิงที่พึงใจ
สืบต่อสายสัมพันธ์ พืชพันธุ์ธัญญาหาร
ผสมพันธุ์ด้วยแมลง สลัดเม็ดตกลงดิน
พัดพาไปด้วยแรงลม มีดินแลมีน้ำ
ช่วยให้ลอกเสริมต่อพันธุ์ หากเพิ่มคนดูแล
หมั่นพรวนดินให้ปุ๋ยกัน แลดูงามเจริญไว
ผู้คนจักล้มตาย หากก่อนวัยที่อันควร
อาจด้วยเหตุมีโรคภัย หรือศัสตราคู่แค้นกัน
นี่เหตุผลเป็นพื้นฐาน ให้รู้เหตุรู้ปัจจัย
สิ่งใดเกิดสิ่งใดกระทบ ต้องมีตัวรับตัวถูกกระทบ
ไม่มีตัวรับตัวถูกกระทบ ก็ไม่มีอะไรเกิดไม่มีการกระทบ