mindcyber 1 year ago

สะท้อนใจ

หล่ออุ่งฮวด

     ใจนั้นแปรเปลี่ยนได้ร้อยแปด สะท้อนนั้นคือการอยู่เหนือสรรพสิ่งด้วยเหตุนี้ใจที่แปรเปลี่ยนได้ร้อยแปดจึงว่องไวไม่ติดขัดปภัสสร การที่จะเข้าถึงสะท้อนใจจะว่ายากแต่ก็ไม่ยาก ผู้ที่ยากคือกลัวใจตนเองจะแปดเปื้อนสกปรก เหมือนจิตที่ถูกเมฆดำบดบัง ผู้ที่ไม่ยากเพราะใจนั้นบรรลุถึงใจแจ้งเห็นจิตแล้วคือชัดแจ้งปรากฏออกมา เหมือนบึงน้ำที่จันทร์สะท้อนถ้าบึงน้ำใส จันทร์สะท้อนก็ยิ่งใส บึงน้ำนิ่งสงบจันทร์สะท้อนก็ยิ่งสว่าง สะท้อนใจก็ดุจเดียวกัน เซียนพุทธก็เหมือนจันทร์ที่สว่าง ที่สามารถแปรเปลี่ยนได้สารพัดเพียงผู้มีใจแจ้งเท่านั้นที่สามารถสะท้อนได้ หากใจยังไม่แจ้งจะสะท้อนได้อย่างไร หากชาวบ้านเข้าใจหลักธรรมนี้จะรู้ถึงความอัศจรรย์ของการสะท้อนใจ        

        คนที่ปฏิบัติธรรมก็คิดที่จะขึ้นสวรรค์ ที่พูดว่าสวรรค์กับนรก ก็อยู่ที่ชีวิตประจำวันไม่ทุกข์ไม่โศก มีอิสระไปไหนมาไหนไม่ถูกอะไรผูกมัดก็คือสวรรค์ ที่ว่านรกก็คือคนที่รับโทษถูกคุมขังในเรือนจำ ทุกวันจะถูกคุมการเคลื่อนไหว นี่คือนรกคนเป็น ส่วนสวรรค์ที่ไร้รูป ก็คือบรรดาเซียนพุทธและโพธิสัตว์สถิตอยู่ เซียนพุทธต่างก็บำเพ็ญจิตวิญญาณของตน ใช้ชีวิตที่เกษมสำราญไม่โศกไม่เศร้า แต่ละวันนอกจากบำเพ็ญจิตวิญญาณแล้วยังเฝ้าชมทิวทัศน์อันสวยงามบนฟ้าด้วย สวรรค์บนฟ้ากับสวรรค์บนโลกแตกต่างกันลิบลับ ความทุกข์ของนรกที่ไร้รูปก็แตกต่างจากนรกบนโลกลิบลับเช่นกัน รับโทษหมดแล้วในโลก ตายไปก็ยังถูกยมบาลตรวจสอบอย่างเข้มงวด รอจนกว่าหนี้กรรมจะชดใช้หมด จึงไปหมุนเวียนเกิดใหม่      

  

        ถึงแม้สวรรค์บนโลกจะดีกว่านรกบ้าง แต่การเป็นคนยากที่จะไม่ทำผิด ถึงแม้จะไม่ต้องรับโทษจากนรกบนโลก แต่พอตายไปก็ไม่มีทางหลบเลี่ยงจากกฏเข้มงวดของยมบาล เพราะฉะนั้น หากเราได้ทำผิดในชีวิตประจำวันก็ให้รีบ ๆ สำนึกผิดเสีย แล้วบำเพ็ญกุศลชดเชย จะได้ไม่ต้องไปรับโทษในนรก ดังได้เปรียบเทียบสภาพของสวรรคงหลบเลี้จะถูกคุมการเคลื่อนไหว ใ์นรกที่มีรูปกับไร้รูปให้เป็นแล้ว หวังว่าเวไนย์สัตว์กับผู้บำเพ็ญในสถานธรรมควรเพิ่มความสนใจระมัดระวัง จะได้ไม่ต้องมาเสียใจเมื่อถึงเวลารับโทษ        

        ด้วยเหตุนี้ ผู้เข้าถึงจะไม่แย่งชิง คนที่หลงมักแย่งชิง คนแย่งชิงมักเล็ก คนเข้าถึงไม่แย่งชิงมักใหญ่ หมายความว่าอย่างไร เพราะคนหลงใจมักคับแคบที่แย่งชิงย่อมเล็ก ผู้เข้าถึงใจกว้าง อิสระสบาย ไม่แย่งชิง กลับสำเร็จยิ่งใหญ่ เหตุผลเป็นเช่นนี้เอง แต่คนหลงเมื่อเห็นอะไรสักอย่างหรือพบเรื่องสักเรื่อง ย่อมเข้าแย่งชิงก่อน แย่งชิงจนได้ ที่ไม่รู้จักแย่งชิงนั้นเป็นเพียงวัตถุปลอมของแท้จริงจะแย่งชิงให้ได้อย่างไร        

        เพราะฉะนั้นผู้ปฏิบัติบำเพ็ญ ต้องมีปัญญามาก เมื่อสัมผัสกับเรื่องต้องรู้ผ่อนปรนให้สามส่วน ไม่แย่งชิงให้ได้ ไม่แย่งชิงก่อน มองอย่างสามัญชนแล้ว คนแบบนี้โง่เขลาที่สุด แต่ที่ไม่รู้จักแย่งชิงนั้น เห็นเป็นการเพิ่มเติมความคิดสับสนกับเหน็ดเหนื่อยรัดตัว สำหรับผู้ปฏิบัติบำเพ็ญถึงแม้สองแขนเบาสบายแล้ว กายใจยังใสสะอาด ไม่มีที่ติดขัด ใจรู้จักพอไม่ขาดสักสิ่งหนึ่ง คนแบบนี้จึงนับว่าเป็นผู้มีพร้อม        

        แต่ชาวโลกที่ต้องการเอาก่อน ต้องการเป็นใหญ่ ต้องโลภมากเหล่านี้ต้องเอาความเห็นแก่ตัวปล่อยวางเสียก่อน ละความอยากทิ้งไป ก็จะได้เป็นใหญ่เอง ไม่ต้องแย่งชิงก็เหมือนแย่งชิงได้ทุกอย่าง ความหมายมันชัดแจ้ง หวังว่าขาวโลกกับผู้ปฏิบัติบำเพ็ญ ต้องเข้าใจหลักธรรมนี้ ต้องไม่ร้อนรนเพื่อวัตถุภายนอก    

    

        หลงหรือเข้าถึงอยู่ที่จิตตนสว่างหรือมืดเท่านั้นฟ้าดินก็มีสว่างกับมืดคนสที่จิตสว่าง จิตใจจะห่อหุ้มด้วยความเมตตาและเสียสละเสมอ หากว่าคนที่มีจิตใจมืด ในใจก็มักจะเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้เสมอ จะเย่อหยิ่งโกรธแค้นคนสองแบบนี้ต่างก็มีชีวิตอยู่ในโลกเหมือนกัน แต่ในใจมีความคิดไม่เหมือนกัน คนที่สว่าง มักจะเต็มไปด้วยความปีติสุขสบาย คนที่มืดใจมักจะทุกข์และโกรธแค้น นี่ก็คือความแตกต่างระหว่างจิตที่สว่างและมืดเพราะฉะนั้นคนที่ปฏิบัติบำเพ็ญต้องมีจิตใจเต็มไปด้วยความรักผู้อื่นเหมือนรักตัวเอง เมื่อเป็นเช่นนี้ สภาวะใจก็จะเต็มไปด้วยความปีติและสว่างได้เอง หวังว่าชาวโลกที่ยังหลงอยู่รีบกลับหลังละทิ้งทางที่มืดเสียแสวงหาสภาวะเซียนที่สว่างก็จะเข้ากับใจฟ้าได้เอง        

        ผู้บำเพ็ญที่สำคัญต้องรู้จักพอ เพราะการรู้จักพอจึงสามารถปล่อยวางความอยากภายนอกได้ จึงจะปฏิบัติธรรมได้ นี่คือหลักธรรมที่แจ้งแทงตลอด หากคนที่บำเพ็ญไม่มีใจที่รู้จักพอแล้ว ใจแบบนี้มักจะเป็นใจม้าพยศจิตวานร หากใจเป็นดั่งม้าพยศจิตวานรแล้วก็เป็นผู้ห่างไกลธรรม ดังนั้นการบำเพ็ญปฏิบัติต้องรู้จักหยุดแล้วมีสติ มีสติแล้วก็จะสงบ สงบแล้วก็จะสุข สุขแล้วก็สามารถโยนิโสมนสิการ โยนิโสมนสิการแล้วก็จะได้รับเอง ที่กล่าวมาแล้วหากเข้าใจได้แล้ว ผู้บ่มเลี้ยงจิตต้องรู้จักพอก่อนก็จะได้ความสบาย ใจที่สบายก็จะได้รสชาติของความสำราญ นักพรตนักธรรมก็จะเสวยความสุขสำราญเช่นนี้ ผู้บำเพ็ญหากไม่รู้จักรักษาใจที่ “รู้จักพอ” เป็นการปลูกเหตุแห่งทุกข์ไว้ ก็จะเสวยวิบากกรรมเอง นี่คือหลักธรรมที่แน่นอน  

      

        จิตวิญญาณที่มีโอกาสเข้ามายังสถานธรรม เพราะมีเหตุสัมพันธ์กับเซียนพุทธมาก่อน หรืออาจเป็นชาติที่แล้วยังติดค้างคำสั่งแล้วยังทำไม่จบดังนั้น ในชาตินี้ประจวบกับการโปรดสัตว์ในยุคสามนี้ เหตุนี้จึงได้มาอยู่รวมกันในห้องธรรมเพื่อช่วยกันฉุดช่วยให้จบในยุคปลายธรรมนี้ ควรเข้าใจว่านี่คือกรรมสัมพันธ์ ควรที่จะเต็มใจเต็มกำลังสนองคำสั่งให้สำเร็จคนที่ทำคำสั่งยังไม่สำเร็จ ต้องมีจิตใจมั่นคงทำหน้ที่ให้แล้วเสร็จ อย่าได้โลภหาความสุขในโลกนี้อีกเลย หากยังไม่สามารถทำคำสั่งให้สำเร็จ จะไม่โทษการปฏิบัติของพวกเราว่าว่างเปล่าหรอกหรือ หากยังคิดหวังมาใหม่ชาติหน้าเกรงว่าจะไม่มีโอกาสแล้ว เพราะแฉะนั้นตั้งใจที่ปฏิบัติไม่ว่าจะถูกทดสอบอย่างไรก็ไม่ท้อถอย ให้มั่นคงปฏิบัติธรรมสายนี้ต่อไป หวังว่าเพื่อนนักปฏิบัติธรรมต้องทำความเข้าใจสิ่งเหล่านี้ให้ดี อนาคตก็จะเสวยสุขสำราญได้บนสวรรค์        

        ผู้ปฏิบัติธรรมต้องเข้าใจให้ดี เวลานี้เป็นยุคปลายธรรมแล้วสายธรรมมีมากมายจนลายตาไปหมด ถึงแม้สภาพธรรมจะตั้งขึ้นมากมายจริงปลอมแยกกันลำบาก ต้องรู้ว่าการปฏิบัติธรรมไม่ห่างจากใจ ถ้าใจเป็นหลักได้ สามหมื่นหกพันญาณในกายเราล้วนตรงที่สุด หากใจยังยึดติดรูปสามหมื่นหกพันญาณในกายก็ปลอมทั้งหมด ดังนั้นการปฏิบัติธรรมต้องบำเพ็ญที่ใจ บำเพ็ญจนได้ตจิตกลมสว่าง ไม่ยึดติดแม้สิ่งหนึ่ง นั่นคือการบรรลุฉันพลันของตถาคต หวังให้ผู้บำเพ็ญธรรมควรพิจารณาเข้าถึงการสำเร็จธรรมจะยากได้อย่างไร

0
704

เศรษฐีขี้เหนียว

1654918052.jpg
mindcyber
3 months ago

จ่ายหนี้

1654918052.jpg
mindcyber
3 months ago

โอวาทธรรม

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago

ฝน

พระพุทธจี้กง

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago
ผัดหมีเจ

ผัดหมีเจ

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago