ตั้งชั้งเซี้ย
วัวควายไม่ฉวยโอกาสไม่เล่ห์เหลี่ยม แต่สังคมปัจจุบันก็มีบางคนที่ชอบฉวยโอกาสมีเล่ห์เหลี่ยม คนเซี่ยงไฮ้พูดว่า “ลาภลอย” “ได้เปรียบ”
ทำให้ข้าพเจ้าคิดถึงเรื่องชวนหัวเราะเรื่องหนึ่ง เรื่องมีอยู่ว่า ท่านเศรษฐีมีบุตรสาวคนหนึ่งกำลังรอหาคู่ครองอยู่ ในหมู่บ้านก็มีคนเลวอยู่ด้วย มีอาชีพเป็นขโมย แต่ที่น่าแปลกก็คือ แต่ละครั้งที่หัวขโมยคนนี้เดินผ่านศาลเจ้าที่ เจ้าที่ก็จะรีบลุกขึ้นยืน ท่านเศรษฐีจึงเข้าใจว่า คน ๆ นี้ อนาคตต้องเป็นคนสำคัญแน่แท้ แม้แต่เจ้าที่ยังยำเกรงต้องลุกขึ้นยืนให้ความเคารพ ดังนั้นจึงยกลูกสาวให้แต่งงานด้วย แต่ทว่าภายหลังแต่งงาน คน ๆ นี้ก็ยังไม่ละทิ้งนิสัยเลว ๆ ลูกสาวท่านเศาณฐีรู้สึกเสียใจอยากจะเลิกกัน จึงร้องไห้บอกแก่ท่านพ่อ เศรษฐีก็ยังไม่เข็ดหลาบจึงพูดกับลูกสาวว่า
“อย่าใจร้อนให้รอดูอีกหน่อย” แต่รอมา 2-3 ปีแล้ว เจ้าคนเลวคนนั้นก็ยังไม่กลับตัวเป็นคนดี ท่านเศรษฐีจึงไปถามท่านเจ้าที่ว่า “อ้ายคนเลวคนนี้ เมื่อไรจึงจะกลับเนื้อกลับตัว และเมื่อไรจึงจะเป็นใหญ่เป็นโต มิฉะนั้นแล้ว ทำไมท่านจึงต้องลุกขึ้นยืนให้ความเคารพเขาด้วย?”
ท่านเจ้าที่ตกใจ ร้องตอบว่า “ทำไมท่านไม่มาถามให้เร็วกว่านี้เล่า? แต่ละครั้งที่เจ้าคนเลวคนนั้นผ่านมาทางนี้ ถ้าข้าไม่รีบลุกขึ้นยืนขึ้นมา ก็เกรงว่า แม้แต่รองเท้าก็คงถูกขโมยไป”
นี่เป็นเพียงเรื่องชวนหัวก็จริง แต่ก็ซ่อนหลักตรรกะที่ลึกซึ้ง นั่นก็คือพวกเราควรเลือกเรียนแบบความซื่อสัตย์อย่างวัวควาย จงอย่าได้มีใจคิดฉวยโอกาสอย่างท่านเศรษฐี มิฉะนั้นแล้วการฉวยโอกาสก็ไม่ได้แถมยังขาดทุนอีกต่างหากท่านว่าใช่หรือไม่?
คำนำของเจ้าหลักเมือง ชิว ข้าพเจ้าเกิดมาในโลกไร้บุญไร้กุศล ตายแล้วไปอยู่โลกทิพย์ไร้ความรู้ค...