สิ่งลึกซึ้งเหมือนว่าใช่กับไม่ใช่ ลึกจนหยั่งถึงไม่ได้ ความลวงเหมือนกับการคิดเพ้อฝัน มีโดยไม่มีเค้ามูลว่างเปล่าไม่มีหลักฐาน เพราะฉะนั้น ความลึกซึ้งมีทั้งหลักฐานและมีหลักการ ไม่ใช่ว่าไม่มีอะไรแล้วก็มีขึ้น ภายในมีความแยบคายกว่าความฉลาดเฉียบแหลม ทำให้คนที่ยังประจักษ์ในความแยบคายก็ยากที่จะเข้าใจได้หมด ดังนั้นจึงก่อให้เกิดความสงสัยจนไม่สามารถค้นคว้าถึงความลึกล้ำได้
พุทธธรรม ก็มีบางคนยกย่องว่าเป็นศาสนาลึกซึ้ง คนที่ค้นคว้าพุทธธรรม ถ้าไม่สามารถค้นคว้าเข้าถึงแก่นก็จะเพี้ยนจากความถูกต้อง ไร้ทิศทางถ้าหากแน่วแน่ในวิถีหนึ่งก็สามารถไปถึงที่สุดได้ เมื่อเทียบกับการคิดเพ้อฝันที่ไม่มีสิ่งเหล่านี้และไม่มีหลักฐาน จากความฟุ้งซ่านก่อให้เกิดความมุ่งหวัง ปล่อยให้ความคิดเพ้อฝันคิดไปตลอดชาติและต่อๆ ไปนับชาติๆ และก็ไม่สามารถเป็นความจริงขึ้นมาได้ ที่กล่าวมานี้ จะเห็นว่า ความลึกซึ้งกับความลวง มีความแตกต่างกันอย่าง เห็นได้ชัด
การฝึกเรียนพุทธธรรมต้องมีใจ ที่สำคัญให้ถามแต่วิธีไถหว่าน อย่าได้ถามถึงการเก็บเกี่ยว อย่าเห็นว่าได้เรียนรู้เพียงเปลือกกระพี้ ก็คิดว่าตนเองได้สำเร็จพุทธแล้ว ถ้าเช่นนี้ก็ใกล้ความลวงเข้าไปแล้ว ด้วยเหตุนี้ ความลึกซึ้งต้องไม่เข้าสู่มายา ในพุทธศาสนามีคำสำคัญคำหนึ่งว่า “เอาความอัศจรรย์หยุดยั้งมายา” หมายความว่าเมื่อเกิดความคิดเพ้อฝันก็ให้เอาศาสตร์ลึกซึ้งนี้มาบำเพ็ญอย่างเงียบๆ เพื่อหยุดยั้ง เช่นนี้แล้วมายากลับจะดับลง