เหล็กแหลมแทงขาให้มานะ(ชื่อ จุย ขู่ ตู๋)

    ประเทศจีนมีผู้สูงส่งทรงเกียรติคุณมากมายในประวัติศาสตร์ หลายท่านใช้วิธีการศึกษาฟันฝ่าอุปสรรคเอาชนะสภาพแวดล้อม เอาชนะตัวเองมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ เช่น เชออินผู้ยากจนที่ต้องอาศัยแสงสว่างจากหิ่งห้อยอ่านหนังสือ คังเหิงที่ต้องเจาะผนังอาศัยแสงสว่างจากเทียนของบ้านข้างเคียงใช้เขียนอ่าน ซุนคังอาศัยแสงเดือนแสงดาวและกระทั่งแสงสะท้อนขาวโพลนของผืนหิมะศึกษาตำราเรียน เจียงมี่พาดบันไดตามแสงจันทร์อ่านหนังสือจนตกจากหลังคาบ้านบ่อยๆ

     ผู้ทรงคุณวุฒิที่มีชื่อเสียงอีกท่านหนึ่งของจีนในสมัยราชวงศ์ซ่งก็คือ ฟั่นจ้งอัน  ท่านเป็นมุขมนตรีที่ซื่อสัตย์จงรักภักดีที่สุดท่านหนึ่ง (มีอายุอยู่ระหว่างปี ค.ศ.989-1052) ท่านฟั่นจ้งอันมุ่งมั่นศึกษาตั้งแต่เยาว์วัย ท่องจำตำราจนดึกดื่นทุกคืน ง่วงเมื่อไรก็เอาน้ำเย็นราดรดศรีษะให้ตื่นแล้วอ่านหนังสือต่อไป ท่านบอกว่า "เรียนรู้ต้องลึกซึ้ง เข้าถึงจนถ่องแท้"

     ในสมัยซีฮั่นก็มีท่านลู่อุนซู เมื่อเล็กต้องรับจ้างเลี้ยงแกะไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือ  วันหนึ่งลู่อุนซุพาแกะเดินเรื่อยไปจนออกนอกบริเวณที่เคยเลี้ยง ด้วยจิตใจที่หมกมุ่นทบทวนตัวหนังสือที่เคยได้เรียนรู้มา พลันก็เหมือนมีอะไรดลใจเขาเห็น "ต้นผู" กอใหญ่เกิดอยู่ที่ชายน้ำข้างหน้า ใบของมันกว้างยาวน่าจะนำมาเย็บเล่มใช้เขียนหนังสือได้ ในที่สุด ลู่อุนซู ก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ทรงคุณวุฒิและเป็นต้นกำเนิดของ "ใบผูเรียงร้อยค่อยเขียนอ่าน"

     ในสมัยเดียวกันยังมีกงซุนหงอีกท่านหนึ่ง อายุปาเข้าไปห้าสิบปีแล้วยังไม่มีโอกาสได้ร่ำเรียนอะไรเลย แต่กงซุนหงก็ไม่เคยท้อใจ รับจ้างเลี้ยงหมูอยู่ในป่าไผ่ไปพลางก็ผ่ากระบอกไม้ไผ่ให้เป็นแผ่นไปพลาง แล้วขอยืมหนังสือพงสาวดารชุนชิวจากนักศึกษาคนมีเงินมา ค่อยๆแกะสลักอักษรทีละตัวลงบนแผ่นกระบอกเอาไว้ศึกษา ในที่สุดก่อนอายุหกสิบปี ท่านก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ "เพียรพากสลักไผ่" ไผ่ในภาษาจีนแต้จิ๋วออกเสียงเหมือนคำว่า "คุณธรรม" อีกทั้งไผ่ก็มีคุณสมบัติหลายประการที่เป็นสัญลักษณ์ของคุณธรรม"เพียรพากสลักไผ่" จึงหมายถึงอุตสาหะปลูกฝังดั่ง "เพียรพากสลักคุณธรรม" ด้วย

      ในสมัยราชวงศ์จิ้นก็ยังมีท่านซุนจิ้นที่มุ่งมั่นอดทนศึกษาท่านคล้องเชือกเส้นยาวไว้บนคานบ้านหย่อนลงมาผูกผมเอาไว้อ่านหนังสือหลับสัปหงกเมื่อไหร่ ผมก็จะถูกกระชากทันที ในที่สุดท่านก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่ร่ำเรียนมาด้วยความลำบากถึงขั้น "กระชากผมข่มง่วง"

     ในสมัยจั้นกั้ว มหามนตรีหกประเทศที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากคือท่านซูฉิน  ตอนที่เป็นทูตสันถวไมตรีสอบตกนั้น บากหน้าไปบ้านไหนเมืองไหนก็ไม่มีใครต้อนรับ จึงต้องเดินคอตกกลับบ้านเสื้อผ้ารองเท้าขาดวิ่น สิ้นเนื้อประดาตัวซูฉินไม่ได้โทษโชคชะตาของตัวเอง ไม่ได้โทษความไม่เข้าใจของฮ่องเต้ทั้งหลาย แต่โทษตัวเองว่า "ความรู้ความสามารถของเราเองยังไม่แตกฉาน" เมื่อเดินทางกลับถึงบ้านแล้วก็ก้มหน้าก้มตามานะอดทนศึกษาวิชารัฐศาสตร์และวิชาอื่นๆดึกดื่นเที่ยงคืนง่วงเมื่อไหร่เพลียเมื่อไหร่ก็เอาเหล็กแหลมแทงหน้าขาของตัวเองให้ตื่น ในที่สุดหกประเทศมหาอำนาจในครั้งนั้นพร้อมใจกันยกย่องเชื้อเชิญให้ท่านซูฉินดำรงตำแหน่งมหามนตรีของบ้านเมืองตน มิใช่เพียงประวัติศาสตร์จีน แม้ประวัติศาสตร์ทุกชาติในโลกก็ไม่เคยมีใครได้รับการเชิดชูเป็นมหามนตรีของหกประเทศพร้อมกันดังท่านซุฉิน เบื้องหลังความสำเร็จอันยิ่งใหญ่นั้น ทุกคนต่างก็ยอมรับว่าท่านได้มาจาก "เหล็กแหลมแทงขาให้มานะ"

0
272

จากวัวไปสู่ผู้ตรวจการ

1654918052.jpg
mindcyber
4 months ago

จี้เตียงสงฆ์ยากไร้

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago

ชั่วดีถี่ห่าง

1654918052.jpg
mindcyber
5 months ago
ยำเม็ดมะม่วงหิมพานต์

ยำเม็ดมะม่วงหิมพานต์

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago
เต้าหู้ผัดเผ็ด

เต้าหู้ผัดเผ็ด

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago