mindcyber 5 months ago

ที่นาแปลงที่สาม

   ในรัชสมัยชิงเต้ากวง ที่เมืองซานตงมีพี่น้องคู่หนึ่งอาติ้งเป็นพี่ชาย อาหมิงเป็นน้องชาย  ทั้งคู่เติบโตขึ้นมาด้วยกัน กินด้วยกันเล่นด้วยกันไปโรงเรียนด้วยกัน เมื่อมีใครมารังแก อีกคนหนึ่งก็เจ็บร้อนช่วยกันต่อสู้ป้องกันสุดชีวิต พี่น้องทั้งสองเป็นคนขยัน พ่อมีนาอยู่สามแปลง เขาช่วยกันทำอย่างขันแข็ง

    ต่อมาทั้งสองต่างก็ได้ภรรยามาไว้ในบ้าน และต่างก็มีลูกชายกันคนละคู่  จากนั้น ความสนิทสนมระหว่างพี่น้อง ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงเป็นห่างเหิน เห็นแก่ตัว และ ระหองระแหงกันในที่สุดปัญหาก็เกิดขึ้นจากเมียและลูกๆ ที่เล่นกัน ทะเลาะกันอยู่มิขาด พ่อเห็นว่า จะต้องให้แยกกันอยู่เสียแล้ว จึงแบ่งที่นาให้ไปคนละแปลง อีกแปลงหนึ่งเก็บไว้เลี้ยงตัวพ่อเอง

    ต่อมาไม่นานพ่อก็ตาย พี่น้องทั้งสองที่สงบสุขได้ระยะหนึ่งก็เริ่มมีเรื่องบาดหมางกันอีก อาติ้งอ้างว่าที่ของพ่อได้เขียนพินัยกรรมยกให้หลานชายคนโตซึ่งเป็นลูกของเขา อาหมิงอ้างว่า ก่อนตายพ่อได้บอกยกให้เขาซึ่งเป็นลูกคนเล็ก ทั้งสองตกลงกันไม่ได้จึงฟ้องร้องไปถึงนายอำเภอ ในสมัยนั้น นายอำเภอมีอำนาจสิทธิ์ขาดในการตัดสินและลงโทษ หลักฐานที่ทั้งสองอ้างต่อนายอำเภอ ล้วนแต่ไม่มีพยานรู้เห็น

    นายอำเภอจึงสรุปว่า "ความผิดทั้งหมดนี้ พ่อจะต้องรับผิดชอบ เพราะให้พินัยกรรมคลุมเครือ  แม้จะตายเป็นผีก็ยังมีความผิด จะต้องขุดศพขึ้นมาโบยให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่พ่อแม่รายอื่นๆ ต่อไป"

    เมื่อนายอำเภอพิจารณาโทษเช่นนี้ทั้งอาติ้งและอาหมิงต่างหน้าซีด น้ำตาคลอ  เพราะถึงแม้พี่น้องจะจ้องเอาประโยชน์กันอย่างไร พ่อก็ยังเป็นผู้มีพระคุณ ยิ่งมาระยะหลังที่ต่างปล่อยให้พ่อไปทำมาหากินเอง ภาพของพ่อแก่ชราหลังคุ่มก้มหน้างุดๆ อยู่คนเดียวปรากฏขึ้นในมโนสำนึก มือที่ประนมไหว้นายอำเภออยู่ก็สั่นเทา

     "เอาละ" นายอำเภอพูดเสียงเครียด "ถ้าไม่ให้ลงโทษ ก็ต้องลงโทษลูก เพราะเมื่อพ่อตายทรัพย์สินของพ่อก็ต้องตกเป็นของลูก  ฉะนั้นเมื่อพ่อตายโทษของลูกก็ควรจะตกเป็นของลูกด้วย"

    ว่าแล้วนายอำเภอก็หันไปสั่งผู้คุมให้นำเชือกเส้นใหญ่มา "ยื่นขาออกมาคนละข้าง"  นายอำเภอสั่งสองพี่น้อง "ข้างไหนก็ได้ที่คิดว่าไม่เจ็บ ให้ผูกขาขาคนละข้างไว้ด้วยกัน แล้วโบย ขาของใครไม่เจ็บคนนั้นก็จะได้ที่นาของพ่อไป"

    "ข้าแต่ใต้เท้า" อาติ้งและอาหมิงวิงวอนขึ้นพร้อมกัน "ไม่มีขาข้างไหนที่ไม่เจ็บเลยขอรับ"

     นายอำเภอส่ายหน้าระอาใจ "เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว แย่งชิงฟ้องร้องกันทำไม โบราณว่าพี่น้องเหมือนแขนขา จะบาดจะเจ็บข้างไหนก็เจ็บใจไปถึงพ่อแม่"

    สองพี่น้องยังคงก้มหน้าไม่กล้าสบตากันนายอำเภอ แต่ในใจก็ยังคงอยากได้ที่ดินแปลงนั้นเป็นของตน นายอำเภอหยั่งรู้ความคิดของคนทั้งสอง จึงพูดว่า "เจ้าทั้งสองมิใช่คนโลภมากหยาบช้ามาก่อน ฉะนั้นเราจะระงับการโบยไว้ แต่จะคุมขังให้สงบใจสักสิบวันจากนั้นจึงจะพิจารณาความ"

    สองพี่น้องถูกล่ามโซ่ขาติดกันคนละข้าง จะนั่งนอนยืนเดินจึงติดขัดไปหมด สองวันแรกต่างก็ฮึดฮัดใส่กัน แต่เมื่อถึงวันที่สามอาการกระชากขึ้งโกรธก็ลดน้อยลง ต่างค่อยพากันลุกนั่ง พอวันที่สี่ความรู้สึกเก่าๆ ของความเป็นพี่น้องที่เคยร่วมทุกข์สุขด้วยกันมาก็เริ่มปรากฏ ทั้งสอง มองดูสภาพขาของตนที่ถูกล่ามติดไว้ด้วยกันมันเป็นความสัมพันธ์ของสายเลือดโดยแท้

    บ่ายวันที่เจ็ด ขณะที่ทั้งสองจะลุกขึ้นจากเตียงมารับอาหารจากผู้คุม อาติ้งสะดุดขาตนเองเซไปข้างหน้า อาหมิงรีบคว้าตัวพี่ชายทัน  และพลันความรู้สึกอ่อนโยนที่พี่น้องพึงมีต่อกันก็เกิดขึ้น ทั้งสองโผเข้ากอดกันแล้วร้องไห้โฮ เหมือนเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก วันที่สิบ นายอำเภอให้เบิกตัวคนทั้งสองขึ้นพิจารณาความ อาติ้งและอาหมิง พร้อมใจกันคุกเข่าลงเบื้องหน้าบัลลังก์ กล่าวด้วยความจริงใจว่า

    "กระผมจะรวมที่นาทั้งสามแปลง ให้เป็นผืนเดียวกันอย่างเดิมขอรับ"

    "แล้วลูกเมียของเจ้าจะยอมหรือ" นายอำเภอแย้ง "กระผมได้คิดแล้วว่า ถ้ากระผมพี่น้องรักกันมั่นคงจริงๆ  ลูกเมียก็จะซาบซึ้งเข้ากันได้ไม่มีปัญหาขอรับ"

    ทั้งสองตอบอย่างหนักแน่นด้วยใบหน้าสดใส เหมือนเมื่อวัยเด็กที่เคยรักและบริสุทธิ์ใจต่อกัน"ถ้าเช่นนั้นคดีนี้ก็ยุติได้"นายอำเภอสรุปความ

0
215

10 ขั้นตอนการพัฒนาจิต เริ่มการฝึก

แปลโดยท่านพุทธทาส

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago

ครั้งที่ 46 ตอน ท่องแดนกระทะทองแดงนรกน้อย

1654918052.jpg
mindcyber
3 weeks ago

ท่องนรกโลกันตร์ ครั้งที่2 เยือนโรงเสพยาเสพย์ติด

1654918052.jpg
mindcyber
1 month ago

ภิกษุเฟื่องมาแล้ว

พระพุทธจี้กง

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago

กรรมของการทอดทิ้ง

เจ้าหลักเมือง ชิว

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago