พญาวานรผู้เสียสละ

        ในป่าใหญ่บนภูเขาแห่งหนึ่ง เป็นถิ่นอาศัยของเหล่าวานรจำนวนถึง500 ตัว วานรฝูงนี้มี พญาวานรเป็นจ่าฝูง คอยปกครองดูแล ตลอดเวลาหลายสิบปีที่ผ่านพวกมันใช้ชีวิตอย่างเป็นสุข มีความสนุกสนานและอิสระเสรีอย่างยิ่ง

              จนกระทั่งอยู่มาปีหนึ่งเกิดภัยแล้งรุนแรง ไม่มีฝนตกลงมาเลย ป่าที่เคยอุดมสมบูรณ์ด้วยผลไม้นานาชนิด มาบัดนี้ต้นไม้ทั้งป่า แม้แต่ใบสีเขียวก็ไม่มีหลงเหลือให้เห็น

              บรรดาวานรทั้งหลายบ้างก็ขุดรากไม้ บ้างก็กัดแทะเปลือกไม้กินพอประทังชีวิต ไม่นานทั้งภูเขาก็ไม่มีอะไรเหลือให้กินอีก

              เวลานั้นพญาวานรผู้เป็นหัวหน้าคิดว่า ไม่ไกลจากป่านี้ มีเพียงแม่น้ำสายหนึ่งกั้นอยู่เท่านั้น เป็นอุทยานของเจ้าเมือง ที่ซึ่งยังคงเขียวชะอุ่มอุดมสมบูรณ์ เนื่องด้วยได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดี ที่นั่นคงจะมีอาหารเพียงพอที่จะช่วยให้เหล่าวานรบริวารของตนรอดชีวิตได้

              คิดได้เช่นนั้นแล้ว รุ่งเช้าวันต่อมา พญาวานรจึงนำฝูงบริวารทั้ง 500เดินทางข้ามแม่น้ำมุ่งไปยังอุทยานสวนผลไม้ของเจ้าเมือง ข้างฝ่ายนายอุทยานผู้มีหน้าที่ดูแลสวนผลไม้ สังเกตเห็นฝูงวานรจำนวนมาก ว่าจวนเจียน จะมาถึงอุทยานเต็มที จึงรีบเข้าไปรายงานให้ท่านเจ้าเมืองทราบ

              เจ้าเมืองกลัวว่าอุทยานจะเสียหายจึงออกคำสั่งทันทีว่า

              " จงจัดพลธนู 300 นาย คอยดักซุ่มโดยรอบอุทยานไว้ตลอดทั้งวันทั้งคืน หากฝูงวานรล่วงล้ำเข้ามาในเขตอุทยาน จงลงมือสังหารเสียให้สิ้น"

              ฝ่ายบรรดาฝูงวานรที่กำลังหิวโหย เมื่อมาถึงอุทยานพบเห็นผลไม้สุกงอมหอมน่ากินอยู่เต็มสวน พวกมันไม่ทันสังเกตว่ามีเหล่าพลธนู กำลังดักซุ่มพร้อมจะสังหารได้ทุกเมื่อ

         ขณะที่กำลังกินผลไม้อย่างเอร็ดอร่อย พลธนู 300 นายก็ออกจากที่ซ่อนและระดมยิงฝูงวานรทันที วานรจำนวนไม่น้อยถูกลูกศรยิงล่วงตกลงมาตาย ที่เหลือเมื่อเห็นภัยมาถึงตัวก็พากันปีนป่าย หนีตายอย่างอลหม่าน

         พญาวานรเห็นเหล่าบริวารของตนตื่นตระหนกตกใจกลัว จึงได้ร้องปลอบ ขวัญ ว่า

         " อย่ากลัวไปเลย !  เราจะปกป้องพวกเจ้าด้วยชีวิต"

         และแล้วจึงสั่งบริวารให้นำเอาเถาวัลย์มาขดต่อกันเป็นเส้นยาว จากนั้นพญาวานก็มัดปลายเถาวัลย์ข้างหนึ่งเข้ากับต้นไม้ แล้วเอาปลายอีกข้างหนึ่งขดรอบเอวของตน พร้อกับรวบรวมพละกำลังกระโดดข้ามแม่น้ำไปยังต้นไม้อีกฟากหนึ่ง.

              แต่อนิจจา...เถาวัลย์นั้นสั้นไปนิดหนื่ง ไม่พอจะมัดกับต้นไม้ใหญ่ได้ภัยอันตรายก็คุกคามกระชั้นชิด พญาวานรจึงใช้มือทั้งสองเหนึ่ยวกิ่งไม้ใหญ่เอาไว้ให้เถาวัลย์ตึง แล้วร้องตะโกนสั่งว่า

               “ พวกเจ้าทั้งหมด รีบไต่เถาวัลย์มาโดยเร็วเถิด"

              เหล่าวานรทั้งหลายพากันไต่เถาวัลย์มาจนถึงช่วงสุดท้ายที่พญาวานรโหนตัวอยู่  ก็ไม่มีใครกล้าเดินต่อเพราะต่างกลัวว่าจะเป็นบาป พญาวานรเห็นเช่นนั้นจึงออกคำสั่งว่า

               “ พวกเจ้าอย่ามัวรีรอเลย... รีบเดินต่อไปเพื่อเอาชีวิตรอดกันก่อนเถิด”

              ฝูงวานรบริวารต่างพากันก้มศรีษะคำนับแล้วจึงเดินเหยียบร่างของพญาวานร เพื่อข้ามไปยังที่ปลอดภัย

              เหล่าวานรตัวแล้วตัวเล่าอาศัยร่างพญาวานรข้ามไปได้จนเกือบหมดแต่ทว่าเวลานั้นรอบเอวของพญาวานรก็ถูกเถาวัลย์ที่มัดแน่นเสียดสีจนเนื้อฉีกบาดเป็นแผลลึก ส่วนมือทั้งสอง ที่เหนี่ยวกิ่งไม้ไว้นาน ก็ถลอกมีเลือดไหลโชกไม่หยุด พญาวานรสุดแสนจะเจ็บปวดและอ่อนล้าเต็มที แต่ก็พยายามกลั้นใจอดทนให้ถึงที่สุด

         ภาพเหตุการณ์ การกระทำของพญาวานรที่ปรากฎต่อหน้า ทำให้เจ้าเมืองซาบซึ้งใจยิ่งนัก แต่ที่สะเทือนใจเกินคำบรรยาย ก็เมื่อถึงวานรตัวสุดท้ายผู้ซึ่งต้องการขึ้นมาเป็นใหญ่ มันฉวยโอกาสนี้ดำเนินการโดยไม่แสดงความเคารพยำเกรง แทนที่มันจะค่อย ๆ เดินเหยียบร่างพญาวานรไป วานรที่กักขฬัะหยาบคายตัวนี้ กลับทั้งกระโดดทั้งกรทืบร่างของพญาวานรอย่างแรงแล้วจึงจะเดินข้ามไป

              พญาวานรผู้ซึ่งสู้อดทนเพื่อช่วยบริวาร ถึงตอนนี้...หมดสิ้นกำลังไม่อาจจะเหนี่ยวกิ่งไม้ไว้ได้อีกต่อไป จึงร่วงตกลงมา ร่างที่ชุ่มไปด้วยเลือดของพญาวานรกลิ้งไถลคลุกฝุ่นลงมากองอยู่กับพื้น

         ด้วยความสุดเวทนาสงสาร เจ้าเมืองรับสั่งให้ทหารช่วยกันนำร่างของพญาวานรมาลงนอนบนผ้าขาวใต้ร่มไม้อย่างระมัดระวัง จากนั้นจึงสั่งให้ มหาดเล็กค่อย ๆ เช็ดตัวให้สะอาด แล้วนำน้าผสมน้าอ้อยมารินลงในปากทีละน้อย   ๆ

              ผ่านไปสักพักใหญ่ พญาวานรขยับตัวไปมา เจ้าเมืองที่นั่งเฝ้าดูอยู่ใกล้ ๆ เห็นพญาวานรฟื้นคืนสติ ก็รู้สึกดีใจมาก จึงเอ่ยถามขึ้นว่า

               “ พญาวานร...ท่านยอมทอดตัวเป็นสพานให้ฝูงวานรทั้งหลายเหยียบข้าม วานรเหล่านั้นเป็นอะไรกับท่านรึ?" พญาวานรจึงตอบด้วยภาษามนุษย์ว่า

              " เราเป็นผู้นำของเหล่าวานร พวกเขาเป็นบริวารของเรา ยามปกติเราปกครองดูแลพวกเขาให้ได้อยู่อย่างสบายใจนละเป็นสุข และ ในยามีภัยก็เป็นหน้าที่ ที่เราต้องปกป้องคุ้มครองพวกเขา ไม่เฉพาะแต่บริวารที่ดีเท่านั้นแม้บริวารที่ไม่ดี เราก็ต้องอดทและเสียสละช่วยเขาด้วย"

              กล่าวจบวานรซึ่งไม่สามารถทนความเจ็บปวดที่บาดแผลไหวก็ค่อย ๆหลับตาลง และสิ้นใจในที่สุด เจ้าเมืองหลั่งน้ำตาด้วยความตื้นตันใจ ท่านเหงยหน้าขื้นมองฟ้าและกล่าวรำพึงรำพันว่า

                 “โอ ! พญาวานรผู้ เป็นเจ้าแห่งสัตว์ป่าทั้งหลาย ท่านยังรู้จักใช้ร่างกายตนเอง ปกป้องชีวิตผู้อื่น ตัวเราเองซึ่งเป็มนุษย์มากด้วยอำนาจกลับเบียดเบียนทำร้ายชีวิตคนอื่น หากจะชั่งน้ำหนักกันแล้ว...

เมตตาธรรมของพญาวานร...แม้หมื่นภูผาก็มิอาจจหนักเท่าแต่ความเมตตาในใจเรานั้น... ใช้เส้นผมมาชั่งยังจะหนักกว่าเสียอีก"

              จากนั้นเจ้าเมืองจึงบัญชาให้จัดพิธีเผาศพพญาวานรอย่างสมเกียรติแล้วนำกระดูกพญาวานรมาเก็บไว้บูชาตลอดชีวิตของท่าน

0
147

พระธรรมาภิบาลเจ้า

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago

พุทโธวาท

พระศากยมุนีพุทธเจ้า

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago

หยิ่งโลก

พระพุทธจี้กง

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago

ธรรมวาจา

พระโพธิสัตว์กวนอิม

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago

ทันตาเห็น

1654918052.jpg
mindcyber
6 months ago