สัตว์ประหลาดใจเมตตา

           ในอดีตกาลมีกษัตริย์ที่โหดเหี้ยม ใจคออำมะหิตและโปรดปรานการเข่นฆ่าทารุณสัตว์ต่าง ๆ อยู่เสมอ

              วันหนึ่ง กษัตริย์องค์นี้ได้ฝันไปว่า เห็นสัตว์ที่แปลกประหลาดตัวหนึ่งตัวของมันปกคลุมด้วยขนสีทอง ขนแต่ละเส้นเปล่งประกายระยิบระยับ ทำให้รอบ ๆ ตัวของมันมีแสงทองสาดส่องไปทั่วทั้ง 4 ทิศ

              ครั้นตื่นขื้นพระองค์จึงคิดว่า ในโลกนี้จะต้องมีสัตว์ประหลาดอย่างที่ฝันเห็นเป็นแน่ ดังนั้นกษัตริย์จึงสั่งให้เกณฑ์บรรดานายพราน นักล่า จำนวนมากให้มาเข้าเฝ้า พร้อมกับกล่าวว่า

              " ข้าได้เห็นสัตว์ประหลาด ซึ่งมีขนสีทองทอแสงเป็นประกายระยิบระยับทั้งตัว ข้าเชื่อว่ามันจะต้องมีชีวิตอยู่ที่ไหนสักแห่ง พวกเจ้าจงออกไปค้นหาตามแถบลุ่มแม่น้ำ ทุ่งหญ้า ในป่าในเขาให้ถี่ถ้วนทุกตารางนิ้ว

              ถ้าหากพบแล้วจงฆ่าและถลกเอาหนังสีทองของมันมาให้ข้า พวกเจ้าก็จะได้รับบำเหน็จรางวัลอย่างดงาม แต่ถ้าหากทำงานไม่สำเร็จ ข้าจะสั่งประหารพวกเจ้า พร้อมทั้งลูกเมียและวงศาคณาญาติให้ตายตกไปตามกันเสียทั้งหมด ”

              เมื่อเหล่านายพรานออกมาจากวัง ต่างคนต่างหน้านิ่วคิ้วขมวด เดินคอตกด้วยความทุกข์ใจเป็นที่สุด หลังจากที่ได้ปรึกษาหารือกันอยู่สักพักใหญ่นายพรานคนหนึ่งจึงเสนอทางออกว่า

              " ท่ามกลางหุบเขาไกลโพ้นในป่าลึกโบราณ ล้วนเป็นดินแดนต้องห้ามเต็มไปด้วยภยันตรายมากมาย ทั้งงูพิษและสัตว์ดุร้ายนานาชนิด ข้าคิดว่าพวกเราควรคัดเลือกใครสักคน เพื่อไปสำรวจดูเส้นทางและค้นหาร่องรอยของสัตว์ประหลาดตัวนั้นเสียก่อนจะดีกว่า"

         ทุกคนฟังแล้วก็เห็นดีด้วย จึงใช้วิธีเสี่ยงทายคัดเลือก ในที่สุดก็ได้นายพรานหนุ่มอายุน้อยที่สุดเป็นตัวแทนไปทำหน้าที่เบิกทางค้นหา บรรดานายพรานทั้งหลายบอกกับเขาว่า

              " เธอคงต้องเผชิญกับความลำบากและอันตรายต่างๆ ขอให้สิ่งศักดึ์สิทธิ์คุ้มครองให้เธอกลับมาโดยปลอดภัย ถ้าทำงานได้สำเร็จ พวกเราทุกคนจะยกบำเหน็จรางวัลให้เธอทั้งหมด แต่ถ้าโชคร้ายไม่สามารถรอดกลับมาได้พวกเราอยู่ทางนี้จะช่วยกันสละเงินทองทรัพย์สิน เพื่อมอบให้แก่ภรรยาและครอบครัวของเธอ  ขอจงวางใจเถิด"

              ด้วยคำขอร้องและสายตาที่วิงวอน ทำให้นายพรานไม่อาจจะปฏิเสธได้ เช้าวันรุ่งขึ้นเขาจึงอำลาทุกคนในครอบครัวแล้วออกเดินทางมุ่งสู่ป่าลึก จากวันเป็นเดือน ผ่านไป ๆ จนเป็นหลาย ๆ เดือน พละกำลังและร่างกายของนายพรานหนุ่ม ก็เหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าลงเรื่อย ๆ

              จนกระทั่งย่างเข้าสู่กลางฤดูร้อน ท่ามกลางทะเลทรายอันร้อนระอุพระอาทิตย์ส่องแสงจ้าอยู่ตรงศรีษะ เปลวแดดแผดเผาร้อนราวกับจะลุกเป็น ไฟ

              ซ้ำร้าย...พายุทรายพัดกระโชก เม็ดทรายซัดสาดบาดใบหน้าและเรือนร่างจนแสบร้อนไปทั้งตัว

              นายพรานหนุ่ม เดินล้มลุกคลุกคลาน ไม่ได้ดื่มน้ำมานานหลายวันนัยน์ตาพร่ามัว หมดสิ้นเรี่ยวแรงจะเดินต่อ...

              สุดท้ายต้องล้มลงไปกองอยู่บนพื้นทราย นายพรานหนุ่มไม่สามารถแม้แต่จะขยับนิ้วมือตัวเอง ได้แต่ส่งเสียงครวญครางอยู่ในลำคอว่า

                 “ใครก็ได้.. ได้โปรดเมตตาช่วยฉันด้วยเถิด ” แล้วก็สลบไป

              ในขณะ เดียวกันนั้นเอง จากบนภูเขาไกลออกไปที่ซึ่งสัตว์ประห ลาดผู้มีขนสีทองอาศัยอยู่ มันสามารถมองเห็นและได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือของคนที่กำลังจะตายในทะเลทราย

              เหตุฉะนี้เจ้าสัตว์ประหลาด จึงรีบกระโจนลงจากเขาตรงไปที่ลำธารน้ำ มันชุบตัวในลำธารให้ขนเปียกโชก ท่ามกลางทะเลทรายอันร้อนระอุ เจ้าสัตว์ประหลาดขนทองวิ่งฝ่าพายุที่รุนแรง จนกระทั่งพบนายพรานหนุ่ม ซึ่งนอนสลบไสลจวนเจียนจะสิ้นใจ

              แม้ว่าแสงแดดอันแรงกล้าได้แผดเผาน้ำที่เปียกชุ่มบนขนไปจนแห้งสนิท และคลื่นของความร้อนทำให้เจ้าสัตว์ประหลาดต้องมึนงงและตาพร่ามัวแต่มันก็พยายามขุดคุ้ยดึงเอาร่างของนายพรานหนุ่มขึ้นจากพื้นทรายแล้วแบกขึ้นหลังพาไปยังลำธารน้ำใกล้ภูเขาจนได้

              เมื่อนายพรานหนุ่ม ได้ดื่มน้ำ และเวลาผ่านไปสักครู่ เขาค่อย ๆรู้สึกตัวขึ้น จงพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ริมลำธาร และไม่ไกลจากตัวเขา มีสัตว์ป่าหน้าตาแปลกประหลาดมีขนสีทองเป็นประกายปกคลุมทั่วร่างคอยดูแลเขาอยู่อย่างห่วงใย

              มันช่างเหมือนกับฝันไป... แต่เมื่อตั้งสติพิจารณาอย่างละเอียดนายพรานหนุ่มถึงกับสะดุ้ง เพราะนั่นก็คือ สัตว์ประหลาดที่ตนกำลังค้นหาอยู่มิใช่หรือ ?  และแน่นอนที่สุด สัตว์ประหลาดตัวนี้นี่แหละคือผู้ที่ช่วยชีวิตเขา

              ในใจของนายพรานหนุ่ม เวลานั้นเฝ้าครุ่นคิดว่า

              "สัตว์ประหลาดตัวนี้ที่กษัตริย์มีคำสั่งให้ออกล่าเพื่อถลกเอาหนังแต่ทว่าในยามที่คับขันท่ามกลางอันตราย เขาได้ช่วยชีวิตเราเอาไว้ พระคุณนี้ใหญ่หลวงนักมิอาจจะทดแทนได้หมด  แล้วเราจะกล้าเนรคุณทำร้ายเขาได้อย่างไร?

              แต่หากเรากลับไปมือเปล่า ชีวิตของภริยาและทุกคนในครอบครัวคงต้องถูกประหารหมดสิ้นอย่างแน่นอน เช่นนี้แล้วเราจะทำอย่างไรดีล่ะ?"

              คิดเท่าไหร่คิดไม่ตก หาทางออกไม่ได้ อัดอั้นตันใจเป็นที่สุด จึงร้องไห้โฮออกมา

              สัตว์ประหลาดผู้ช่วยชีวิตเขาเห็นเช่นนั้นจึงถามขึ้นว่า

                 “ ชีวิตของท่านรอดพ้นอันตรายมาได้แล้ว เหตุใดยังร้องไห้อีกเล่า?"

              นายพรานหนุ่มจึงเล่าเรึ่องราวทั้งหมดให้ฟัง สัตว์ประหลาดขนทองผู้มีเมตตาได้บอกแก่นายพรานหนุ่มว่า

              " ตั้งแต่เริ่มแรก ท่านก็มีใจเสียสละเพื่อผู้อื่น ยอมออกเดินทางมาผจญความทุกข์ยากนานัปการเพื่อตามหาข้าพเจ้า บัดนี้ข้าพเจ้าก็จะขอสละตนเองเพื่อช่วยทุกคนบ้าง ขอท่านจงถลกหนังของข้าพเจ้านำไปให้กษัตริย์เถิด”

              นายพรานหนุ่มได้แต่ร่ำไห้ไม่ยอมทำตาม สัตว์ประหลาดขนทองจงปลอบว่า

              " อย่าวิตกไปเลย...ข้าพเจ้าไม่เป็นอะไรหรอกขอท่านจงลงมือเถิด !”

              สัตว์ประหลาดกล่าวเร่งรัดถึง 3 ครั้ง นายพรานหนุ่มจึงใช้มีดเฉือนหนังออกจากร่างของมัน ด้วยน้ำตาที่ไหลหลั่งลงปะปนกับสายเลือดของผู้มีพระคุณ นายพรานหนุ่มก้มลงกราบอำลำครั้งแล้วครั้งเล่าปะหนึ่งว่าหัวใจของตัวเองถูกสับเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

              สัตว์ประหลาดตัวนั้นพูดกับเขาว่า

              " ข้าพเจ้าไม่เป็นอะไรหรอก ขอให้ท่านเดินทางโดยสวัสดิภาพเถิดเมื่อนายพรานหนุ่มคล้อยหลังไปได้ไม่นาน เนื่องด้วยบาดแผลที่สาหัสเกินกว่าจะทานทน สัตว์ประหหลาดจึงสิ้นใจ

                อีกหลายเดือนต่อมา... นายพรานหนุ่ม กลับถึงพร้อมด้วยหนังของ สัตว์ประหลาดขนทอง กษัตริย์ดีใจเป็นอย่างยิ่ง  และนำหนังที่สวยงามนั้นมาปูเป็นที่นั่ง

              ดังนั้นทุกคนจึงรอดพ้นโทษประหารชีวิตตราบเท่าที่ยังไม่มีสิ่งใดที่กษัตริย์ผู้โหดเหี้ยมอยากจะได้อีก

0
167

มารอุปสรรค

โอวาทพระแม่ธรณี

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago
เห้งเจีย

เห้งเจีย

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago

กำราบความเร้าร้อน

(จาก “มุมที่ไม่มีเหลี่ยม” ของ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์)

1654918052.jpg
mindcyber
3 months ago

ไออุ่นจากอ้อมแขน

1654918052.jpg
mindcyber
7 months ago

ประวัติพระอรหันต์จี้กง ตอนที่ 6

เมื่อปลงเสียได้ก็จากไป เมื่อวางไม่ลงก็กลับมาใหม่

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago