ประเพณีฝังคนแก่ทั้งเป็น

    หมู่บ้านแห่งหนึ่งในสมัยโบราณชายยากจน ผู้ซึ่งในบ้านต้องอาศัยอยู่กับภรรยาและลูกชายหญิงหลายคน อีกทั้งยังมีพ่อแม่ที่แก่ชรามากให้ต้องเลี้ยงดู

     ต่อมาเกิดทุพภิกขภัยใหญ่ ทั่วทั้งหมู่บ้านขาดแคลนอาหารทุกครัวเรือนล้วนอดอยากแร้นแค้น แต่ละวันผู้คนอยู่อย่างทุกข์ยากลำบาก

     ชายยากจนจึงขุดหลุมแล้วนำพ่อแม่ที่ชราไปฝังทั้งเป็น ครั้นเพื่อนบ้านใกล้เคียงมาพบเห็น ก็ร้องถามด้วยความตกใจว่า

      “ทำไมแกถึง เอาพ่อแม่มาฝังทั้งเป็นเช่นนี้?”

     ชายยากจนผู้ไร้ศีลธรรมกลับตอบว่า

      “พ่อแม่ของข้าแก่มาก ยังไงก็ต้องตายอยู่แล้ว แต่ลูกๆ ของข้ายังต้องมีชีวิตอยู่อีกนาน ข้าเอาพ่อแม่ไปฝังก็เพื่อจะได้มีอาหารพอเลี้ยงลูก ๆ ได้”

     เพื่อนบ้านฟังแล้วก็เกิดความคิดคล้อยตาม พอกลับถึงบ้านก็ขุดหลุมแล้วเอาพ่อแม่ของตนไปฝังทั้งเป็นเช่นกัน ไม่นานทุกครอบครัวก็พากันเห็นดีเห็นงามจนทำตามกันทั่วทั้งหมู่บ้าน เมื่อกาลเวลาล่วงเลยไป ในที่สุดการฝังพ่อแม่ที่แก่เฒ่าก็กลายเป็นประเพณีที่ยึดถือปฏิบัติกันอย่างแพร่หลาย โดยไม่มี

ใครคัดค้าน

     ทว่า...ในหมู่บ้านนั้นยังมีลูกชายผู้เปี่ยมคุณธรรมมีความกตัญญูต่อพ่อบังเกิดเกล้าอย่างยิ่ง ตลอดระยะเวลาทิ่ผ่านมา เขารู้สึกเศร้าสลดใจต่อประเพณีที่ผิดหลักมนุษยธรรม แต่ก็ไม่มีอำนาจอะไรจะไปขัดขวางล้มล้างได้

     ครั้นต่อมา เมื่อพ่อแม่ของเขาเริ่มอายุมากแล้ว ลูกชายผู้มีความกตัญญจึงลงมือขุดอุโมงค์ ทำเป็นห้องลับไว้กลางบ้าน อีกทั้งจัดข้าวของเครื่องใช้ไว้อย่างพรั่งพร้อม จากนั้นก็เชิญพ่อแม่ลงไปหลบอยู่ และทุกวันเขาจะนำอาหารผลไม้อย่างดีลงไปร่วมรับประทานกับท่านด้วย

     เป็นเวลาหลายปีที่ลูกกตัญญเฝ้าปรนนิบัติดูแลพ่อแม่ที่หลบอยู่ในห้องใต้ดิน ทุกวันทุกคืนเขาเฝ้าแต่ครุ่นคิดหาหนทางที่จะล้มล้างประเพณีอันต่ำช้าเลวทรามในสังคมให้หมดสิ้น

     กตัญญุตาธรรมในจิตใจของชายหนุ่มเป็นทิ่แซ่ซ้องสรรเสริญ และซึ้งสะเทือนใจต่อเหล่าเทพยดาบนสรวงสวรรค์ เทพยดาทั้งหลายจึงมีมติเห็นพ้องต้องกันว่า จะต้องช่วยให้ลูกกตัญญผู้นี้บรรลุปณิธานความดีให้จงได้

     และแล้วเทพยดาองค์หนึ่งจึงเสด็จลงมาปรากฎเบื้องหน้าพระราชาโดยมีงู 2 ตัวอยู่ในพระหัตถ์ เทพยดาได้ตรัสแก่พระราชาว่า

      “ท่านจงแยกแยะให้ได้ว่างู 2 ตัวนี้ ตัวใดคือตัวผู้ ตัวใดคือตังเมีย  หากภายใน 7 วัน ท่านตอบเราไม่ได้ เราจะทำลายอาณาจักรของท่าน ”

     เวลาผ่านไป 6 วันพระราชาตลอดจนเหล่าอามาตย์ขุนนางมากมายก็ยังไม่สามารถตอบได้ พระองค์จึงมีพระราชโองการให้ติดประกาศหาผู้ที่สามารถตอบปัญหาได้ เมื่อข่าวนี้แพร่ออกไป เหล่าประชาราษฎรต่างพากันวิพากวิจารณ์ กันไปต่าง ๆ นานา บ้างก็หวาดหวั่นว่าจะเป็นลางร้ายแก่บ้านเมือง

     แต่ทว่า...อย่างที่ไม่มีใครคาคคิด เช้าวันที่เจ็ดลูกกตัญญเป็นผู้แกะเอาประกาศออกแล้วเดินทางเข้าสู่พระราชวัง ณ ที่นั้น เทพยดาได้มาปรากฏพระองค์ต่อหน้าพระราชาเพื่อทวงเอาคำตอบ ลูกกตัญญจึงได้กราบทูลว่า

      “ปริศนาเรื่องงูนี้ไม่ยากเลย เพียงแต่นำผ้าแพรที่ประณีตผืนหนึ่งมาปูลงบนพื้น แล้วนำงูทั้งสองตัวไว้บนผ้า ปกติงูตัวผู้จะคลอ่งแคล่วว่องไว เมื่อต้องอยู่บนผ้าจะอยู่ไม่สุขมันจึงเคลื่อนไหวอยู่เสมอส่นงูตัวเมียมีนิสัยเชื่องช้ายามอยู่บนผ้าจนอนนิ่งเฉย...พระเจ้าข้า”

     เทพยดาทรงยิ้มและตรัสว่า

      “เจ้าตอบได้ถุกต้อง”

     แต่เทพยดาก็ยังตั้งคำถามใหม่อีกโดยให้นำช้างมาเชือกหนึ่งและตรัสว่า

      “ช้างตัวนี้หนักเท่าไร เราจะมาฟังคำตอบในวันพรุ่งนี้ หาไม่แล้วเราจะทำลายบ้านเมืองของท่านให้สิ้น !”

     พระราชา และเหล่าขุนนางไม่รู้จะทำอย่างไร จึงหันไปถามลูกผู้กตัญญ แต่เขาขอกลับไปบ้านก่อน พรุ่งนี้จะกลับมาให้คำตอบ

     วันต่อมา ลูกกตัญญกลับเข้าวัง แล้วให้เจ้าพนักงานจูงช้างไปลงเรือใหญ่ แล้วทำเครื่องหมายขีดวัดระดับที่ข้างเรือไว้ หลังจากนาช้างขึ้นจากเรือแล้ว จึงใส่ก้อนหินลงไปในเรือกระทั่งเรือจมลงถึงขีดที่ท่าไว้ จากนั้นจึงค่อยขนหินขึ้นมาชั่งรวมทั้งหมด นั่นก็คือน้ำหนักของช้างที่ถูกต้อง

     ต่อมาเทพยดาได้นำท่อนไม้จันทร์ซึ่งเหลาให้เป็นแท่งยาวเสมอกันโดยตลอด พร้อมกับตรัสถามว่า

      “ไม้จันทร์ท่อนนี้ ด้านใดเป็นโคนต้น? ด้านใดเป็นปลายต้น?”

ลูกกตัญญขอกลับไปบ้าน และวันรุ่งขึ้น  เขาก็กลับมาตอบว่า

      “ให้นำไม้จันทร์วางลงในอ่างน้ำ ด้านที่จมลงมากกว่า คือ โคนต้นส่วนด้านที่ลอยกระดกสูงขึ้น คือ ปลายต้น”

     เทพยดาได้นำม้าขาวมา 2 ตัว ม้าทั้งสองมีขนาดรูปร่างและสีขนเหมือกัน ซึ่งดูราวกับเป็นฝาแฝด พร้อมกับตรัสถามว่า

      “ม้า 2 ตัวนี้ ตัวใดเป็นลูก...ตัวใดเป็นแม่ ?” พระราชาและขุนนางทั้งหลาย ได้แต่มองหน้ากันไปมองหน้ากันมา เพราะไม่รู้คำตอบ ลูกกตัญญก็ขอกลับไปบ้านก่อน และวันรุ่งขึ้น เขาก็กลับมาตอบว่า

      “ขอให้นำหญ้าอ่อนที่สดใหม่มาวางไว้ตรงหน้าม้าทั้งสอง ม้าตัวที่ใช้จมูกดุนหญ้าไปให้อีกตัวหนึ่งคือแม่ม้า เพราะแม่รักลูกจึงอยากให้ลูกได้กินหญ้าก่อน”

ถึงตอนนี้เทพยดาทรงพระสรวลดังกึกก้อง แล้วตรัสว่า

      “บ้านเมืองนี้ยังมีคนดีมีคุณธรรมเหลืออยู่ เราจะให้ความคุ้มครองดูแล ต่อไป”

     จากนั้นก็อันตรธานหายวับไป พระราชาหันมาตรัสกับลูกกตัญญว่า

      “ก่อนที่ข้าจะปูนบำเหน็จรางวัลตามแต่เจ้าจะขอ ข้าอยากรู้ว่าเหตุใดทุกครั้งที่เทพยดาถามคำถาม เจ้าจะต้องขอกลับไปบ้านก่อนเสมอ?”

     ลูกกตัญญคุกเข่า พร้อมกับกราบทูลว่า

      “ข้าบาทมิได้ทำตามประเพณีที่ให้ฝังพ่อแม่ผู้ชรา แต่ได้ซ่อนพวกท่านไว้ในห้องลับ คำตอบทั้งหมดข้าบาทมิได้คิดออกเอง ท่านพ่อท่านแม่เป็นผู้สอนข้าบาท

     เมื่อครู่พระองค์ตรัสว่าจะประทานรางวัลแก่ข้าบาท ข้าบาทไม่ปรารถนาสิ่งใดเลย นอกเสียจากขอพระองค์ได้โปรดลบล้างประเพณีฝังพ่อแม่ผู้ชราด้วยเถิดพระเจ้าข้า”

     พระราชาทรงซาบซึ้งพระทัยยิ่ง จึงมีพระราชโองการห้ามมิให้ผู้ใดในแผ่นดินฝังพ่อแม่ของตน แต่จะต้องเลี้ยงดูปรนนิบัติด้วยความกตัญญกตเวที  หากผู้ใดไม่ปฏิบัติตามจะต้องโทษถึงประหารชีวิต !

0
185

ครั้งที่ 52 ตอน ท่องแดนน้ำมันลวกกายนรกน้อย

1654918052.jpg
mindcyber
2 weeks ago

10 ขั้นตอนการพัฒนาจิต เปลี่ยนนิสัย

แปลโดยท่านพุทธทาส

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago

กุลสตรี

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago
ดอกกวางตุ้ง ผัดเห็ดนางฟ้า

ดอกกวางตุ้ง ผัดเห็ดนางฟ้า

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago

พระธรรมาภิบาลเจ้า

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago