เรื่องเกิดขึ้นที่พระอารามหลิงอิ่นซื่อเมืองหังโจวที่อมตะพุทธะจี้กงเคยบวชบำเพ็ญ
วันหนึ่ง ขณะที่พระเถระกำลังแสดงธรรม นักศึกษาขี้เหล้าคนหนึ่งเมามายผ่านมา เขารำคาญเสียงพระเทศน์ จึงเอะอะโวยวาย ชี้หน้าด่าพระด้วยความโอหังตามแบบอย่างปัญญาชนคนถือดี
หลวงพ่อลงไปพูดจา หาน้ำ หาผลไม้มารับรอง เขาก็ยังไม่ดีขึ้น
พอสร่างเมา ท่านมอบภาพเขียนพู่กันจีนล้ำค่าให้เขาผืนหนึ่ง เขาดีใจดั่งได้แก้ว กอดภาพเขียนไว้กับอกแล้วลากลับ
หลวงพ่อรั้งตัวไว้ เขารีบลากลับอีกครั้งหนึ่ง ท่านจึงได้แต่บ่นว่า “น่าเสียfาย น่าเสียดาย” ตามหลังมา
นักศึกษารีบเดินเร็วเข้า ท่านก็รีบเร่งฝีเท้าตามติดพร้อมกับ บ่นว่า “น่าเสียดาย” มิได้หยุด
สุดท้าย นักศึกษาหยุดวิ่ง หันไปถามท่านว่า “เสียดายอะไร” ใจก็คิดว่าอ้อยเข้าปากช้างแล้ว เราไม่คืนภาพเขียนล้ำค่านี้ให้หรอก
หลวงพ่ออึกอักแต่ก็พูดว่า “บอกแล้วท่านต้องไม่โกรธนะ”
“ว่าไป เสียดายอะไร”
หลวงพ่อจึงตอบไปว่า
“..บุคลิกลักษณะ การศึกษาดีอย่างนี้ อาตมาจะยอมปล่อยให้ท่านตกนรกไปได้อย่างไร น่าเสียดาย น่าเสียดาย”
คนมักยึดถือ ยศศักดิ์เงินตรา
อีกการศึกษา เป็นศาตราวุธ
หากองคุลีมาล ท่านมิยั้งหยุด
ชีพคงม้วยมุด รุดห้วงบ่วงกรรม
คนเห็นจริงไซร้ ใจหายใจคว่ำ
เห็นหนี้เคยทำ ตามมาประชิด
คนลอดหลงใหล ไม่เห็นแ ปลกผิด
จนแม้ถูกปลิด ชีพมรณ์ห่อนรู้
นรกสวรรค์ ต่างกันสุดกู่
รู้ก็ทั้งรู้ วิ่งสู่ตัณหา
ขลาดเขลาหลงผิด ปิดหูหลับตา
หลงอวิชชา ข้าเหนือกว่าใคร