แปลโดยท่านพุทธทาส
เจ้าวัวป่า สะบัดเขา เต้นเร่าโลด
ก้าวกระโดด ข้ามโขดเขา อย่างบ้าคลั่ง
ใต้เมฆครึ้ม คลุมทาง หว่างเขาบัง
ย่ำหญ้าพัง เพียงไร ใครจะรู้
คน-หนุ่มลูกทุ่งในภาพคือจิตที่ประกอบด้วยปัญญา วัวเถื่อนตัวดำทะมึนคือจิตที่ประกอบด้วยกิเลสเต็มที่ของปุถุชน อันผู้ที่จะเป็นเชื้อสายของพระอริยเจ้านั้น ย่อมต้องเป็นผู้มีสติปัญญาเกิดมองเห็นตนเองว่าตามปกตินั้นประกอบอยู่ด้วยกิเลสที่มีพิษสงนี้แสดงด้วยการติดตามสังเกตดูวัวเถื่อน วัวสะบัดเขาแหลมคมไปมาในอากาศ พลางส่งเสียงร้องลั่นวิ่งกระเจิงอย่างบ้าคลั่งไปตามห่างภูเขา
อาการเชิดสะบัดเขาหมายถึงความหยิ่งยะโส การส่งเสียงร้องลั่นคืออาการนิ่งไม่ได้ตามประสาคนโง่ อากัปกิริยาเป็นข้าคลั่งหมายถึงการไม่ดูไมแลไม่เห็นอะไร อาการที่วิ่งกระเจิงไป คือความฟุ้งซ่านด้วยอำนาจอกุศลวิตกตามหว่างภูเขาคือโลกียธรรมทั้งปวงที่ก่อความยินดียินร้าย เมฆดำครึ้มหมายถึงตัวอวิชชาที่แผ่ซ่านอยู่ในขณะนั้น มันวิ่งเหยีบหญ้าอ่อนเสียหายไปจนคำนวณมิได้ หมายถึงกุศลธรรมอ่อนๆ ที่กำลังจะก่อร่างสร้างตัวได้ถูกทำลายไป
โยคาวจรจะต้องติดตามสังเกตสะกดรอยไปจนพบตัววัวต้อมีสิ่งล่อเพื่อจับมันให้ได้ คืออย่างน้อยก็มีควมหวังในสุคติสวรรค์ ต้องมีไม้เป็นเครื่องมือทีจะเฆี่ยนมันและป้องกันตนเองนี้หมายถึงตบะธรรมทั้งปวง
จงสังเกตที่จมูกวัว มีเงื่อนไขเชือกสายอะไรห้อยอยู่ นี้หมายถึงลู่ทางชิวิตวัฒนานั้นมีอยู่แต่ มิใช่สิ่งเหลือวิสัย