พระจี้กงประทับทรง วันที่ 24 มีนาคม 2527
การล่อลวง หญิงบ้านนอก เป็นสินค้า
ประหนึ่งฆ่า อนาคต ของหญิงสาว
กรรมดีชั่ว ย่อมส่งผล มิผิดเงา
อยู่ที่เช้า หรือสาย บ่ พ้นเอย
พระจี้กง :จิตใจคนนั้นช่างน่ากลัว มีทุกรูปแบบ มีกระทั่งคนที่มุ่งหวังเพียงเพื่อบรรลุตัณหาของตน ถึงกับค้าขายมนุษย์ โดยล่อลวงเด็กสาวผู้รู้ไม่เท่าทันส่งเข้าซ่องโสเภณี เพื่อสนองกามตัณหาผู้อื่น โดยหวังได้ทรัพย์อันไม่ชอบธรรม
ชิวเซิง :คืนนี้อาจารย์ดูเหมือนกำลังพูดถึงเรื่องการค้าขายขาอ่อน
พระจี้กง :ชิวเซิงทายถูกแล้ว การค้าขายมนุษย์เป็นเรื่องที่ทำให้ ผู้เป็นพ่อแม่ปวดร้าวหัวใจที่สุด คืนนี้เราจะไปชมดูสภาพของคนที่เคยล่อลวงหญิงสาวไปขายซ่องพวกนี้ ชิวเซิงรีบขึ้นดอกบัว
ชิวเซิง :ผมนั่งเรียบร้อยแล้ว อาจารย์ไปได้
พระจี้กง :ถึงแล้ว ชิวเซิงรีบลง
ชิวเซิง :อาจารย์ครับ ไฉนจึงพาผมมาที่นี่ เบื้องหน้าเห็นแต่หุบเขาโล่งกว้างสุดสายตาเท่านั้น ไร้ร่องรอยสิ่งมีชีวิตหลงเหลืออยู่เลย รู้สึกเงียบวังเวงอย่างไรชอบกล เหมือนกับป่าช้าตอนเที่ยงคืนไม่มีผิด
พระจี้กง :ชิวเซิง...เธอคิดมากไปแล้ว ป่าช้าตอนเที่ยงคืนอะไรกัน หรือว่าเคยไปเดินเล่นแถวป่าช้าตอนเที่ยงคืน
ชิวเซิง :นั่นเป็นเรื่องสมัยผมยังเด็ก ครั้งหนึ่งเคยติดตามคุณพ่อเดินผ่านป่าช้าที่รกร้างแห่งหนึ่ง เพียงแค่ได้ยินเสียงกิ่งไม้ใบไม้ไหว ผมก็สะดุ้งตกใจกลัวแล้ว
พระจี้กง :แล้ววันนี้กลัวอีกมั้ย ?
ชิวเซิง :มีอาจารย์อยู่ข้าง ๆ ไม่มีอะไรต้องกลัวอีก
พระจี้กง :เอาละ...นรกขุมนี้จัดตั้งขึ้นสำหรับนักโทษอีกแบบหนึ่งโดยเฉพาะ ซึ่งเดี๋ยวก็รู้เอง
ชิวเซิง :อ๋อ (ขณะนี้ได้ยินเสียงร้องอันโหยหวนแว่วมาแต่ไกล)
พระจี้กง :ชิวเซิง...เธอดูนั่นซิ มีวิญญาณบาปตนหนึ่งกำลังคืบคลานมาแล้ว
ชิวเซิง :วิญญาณคนนี้ผอมโซเหมือนผีเสียบไม้ นัยน์ตาถลนออกมานอกเบ้า ดูคล้ายคนบ้า ผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อผ้าก็ขาดกระรุ่งกระริ่ง น่าเวทนายิ่งกว่าขอทานในเมืองมนุษย์ซะอีก ผมพอดีมีเงินติดตัวอยู่ 200 หยวน ให้ทานเขาก็แล้วกันนะครับ
พระจี้กง :ชิวเซิง...การที่เธอมีเมตตาจิตนั้นก็ดีอยู่ ทว่าให้เงินทองเขาก็ไร้ประโยชน์ เขาจะไปซื้อหาอะไรได้ที่ไหนกัน
ชิวเซิง :นั่นซิครับ ถ้าหากให้เป็นของกิน ดูจะเหมาะกว่า
พระจี้กง :ชิวเซิงไม่ต้องหรอก อาจารย์จะเสกน้ำมนต์ให้เขาสักหน่อย สติสัมปชัญญะก็จะกลับคืนมา
วิญญาณบาป :ขอบใจพระคุณเจ้า ผมหิวจนยืนไม่ไหวอยู่แล้ว คิดไม่ถึงว่าพอได้กินน้ำมนต์ของท่าน สติก็ดีขึ้นทันที
ชิวเซิง :นี่คุณ...ผุ้ที่ช่วยคุณก็คือท่านพระอาจารย์จี้กง คุณรีบคารวะขอบคุณท่านซิ
วิญญาณบาป :ขอบคุณท่านพระจี้กงที่ให้ความเมตตาท่านโปรดพาผมออกไปจากที่นี่ได้ไหมครับ ?
พระจี้กง :เธอยังชดใช้กรรมไม่หมด อาตมาจะพาเธอไปโดยพลการได้อย่างไร?
วิญญาณบาป :ขอแต่เพียงให้ท่านพาผมไปจากที่นี่ได้เท่านั้น จะให้ผมเป็นควายเป็นม้า ผมยอมทั้งนั้น
พระจี้กง :อาตมาไม่ได้ใช้ทั้งควายและม้า
ชิวเซิง :ประหลาดแท้วิญญาณบาปที่มาถึงอเวจี ต่างก็ไม่อยากเป็นคน แต่อยากเป็นควายเป็นม้ากัน
พระจี้กง :พวกเขาเหลือแต่คุณสมบัติของควายและม้า ดังนั้นจึงพูดเช่นนี้
ชิวเซิง :นั่นซิครับ
พระจี้กง :เอาละ...เธอสัมภาษณ์เขาได้แล้ว
ชิวเซิง :นี่คุณ....ทำไมถึงได้มาอยู่ที่นี่ละ?
วิญญาณบาป :ผมถูกส่งมาอยู่ที่หุบเขานี้นานแล้วสถานที่แห่งนี้แห้งแล้งกันดารมาก นอกจากผมแล้วไม่มีใครอื่นอีกเลย ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว ความเป็นอยู่เช่นนี้น่าสะพรึงกลัวจริง ๆ พวกท่านผู้มีเมตตาจิต โปรดรีบช่วยผมให้ได้ออกไปจากที่นี่เถิดครับ
ชิวเซิง :เรื่องนี้ผมทำไม่ได้ แต่ถ้าคุณเล่าความจริงถึงสิ่งที่ได้กระทำครั้งเป็นมนุษย์ให้เราฟัง เชื่อว่าพระอาจารย์จี้กงคงสามารถเรียนท่านยมบาลให้ลดโทษคุณเบาบางลงได้บ้าง
วิญญาณบาป :ขอแต่เพียงช่วยให้ผมได้หลุดพ้นออกไปจากหุบเขาแห่งนี้ ไม่ว่าจะให้ทำอะไรผมยินดีทั้งนั้น
ชิวเซิง :งั้นเธอก็รีบเล่ามาซิ
วิญญาณบาป :ครับ...ตอนเป็นมนุษย์ ผมเป็นคนเกียจคร้าน เอาแต่กินและเที่ยวเตร่สำมะเลเทเมา โดยมักจะไปหาความสุขที่ซ่องนางโลมอยู่เสมอ ดังนั้นจึงได้รู้จักมักคุ้นกับพวกพ่อเล้าเจ้าของซ่อง โดยเฉพาะพ่อเล้าพวกนี้ มักจะใช้เงินก้อนโตมาเป็นเหยื่อล่อชักจูงให้ผมไปชนบทหรือถิ่นชาวเขาล่อลวงเด็กสาวผู้รู้เท่าไม่ถึงการณ์มาเป็นหญิงบริการในซ่อง เนื่องจากผมได้รับผลประโยชน์มาก จากการหลงเชื่อนี้จึงได้ตกลงรับงานนี้ ดังนั้นผมจึงได้ไปตามชนบทหรือถิ่นที่อยู่ของพวกชาวเขา ไปชักชวนเด็กสาวพวกที่ใฝ่ฝันอยากจะไปอยู่ในเมืองโดยการหลอกว่าจะหางานดี ๆ ให้ทำเมื่อหลอกพามาถึงในเมืองแล้ว ก็นำไปขายตามแหล่งโลกีย์ ด้วยสนนราคารายละเป็นเงินหมื่น เงินที่ได้รับมาล้วนแต่ถูกนำไปใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่าย ทางสุรานารีและการพนันจนหมดสิ้น ความคิดของผมนั้นงานแบบนี้ได้เงินคล่องคราวละจำนวนมาก จึงไม่ยอมเลิกรา ยังคงใช้วิธีการเก่า ๆ ไปล่อลวงครั้งแล้วครั้งเล่า ครั้งหนึ่งเมื่อผมได้เงินก้อนใหญ่มา ก็ไปภัตตาคารกินดื่มสุราอาหารจนเมามาย ปรากกฏว่ขณะที่กำลังเดินโซเซจะข้ามสี่แยกอยู่นั้น เนื่องจากเมาประสาทสัมผัสช้าเพียงเผลอสติไปชั่วขณะเดียวเท่านั้น ต่อเมื่อรู้สึกตัวว่ามีรถยนต์แล่นมาถึงตัว บัดดล...ผมก็ล้มกลิ้งลงไปนอนจมกองเลือดเสียแล้ว และที่ตายของผมก็คือ สถานที่ตรงนั้นนั่นเอง
เมื่อตายแล้วยมทูตขาวดำ ได้จับตัวผมไปที่เมืองนรกเพื่อรับการพิจารณาตัดสินจากยมบาล ขั้นแรกท่านยมบาลตัดสินให้ผมไปรับโทษอันแสนทุข์ทรมานในนรกอาจมนาน 30 ปี เมื่อครบกำหนดแล้วก็ตัดสินอีกครั้ง คราวนี้ต้องไปรับโทษอันทารุณแสนสาหัสที่นรกกระทะน้ำมันเดือดอีก 10 ปีเมื่อครบกำหนดโทษแล้วจึงได้ถูกส่งต่อมายังนรกอเวจีนี่นับได้ 5-6 ปีแล้ว วัน ๆ ต้องพบกับสภาวะของความว่างเปล่า โดดเดี่ยวเดียวดาย ได้รับความกดดันทางจิตใจอย่างหนักจนสุดทน ผมขอวิงวอนท่าานอีกครั้ง ได้โปรดช่วยพาผมไปพร้อมกับท่านด้วยเถิด
พระจี้กง :การค้ามนุษย์เป็นกรรมหนักมีโทษมหันต์นี่คือผลลงเอยของการ “ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตน” จงอยู่ที่นี่ก้มหน้ารับกรรมโดยดีเถิด
ชิวเซิง :กราบเรียนถามอาจารย์ ไหน ๆ เขาก็ได้เล่าถึงกรรมที่ได้ก่อครั้งเป็นมนุษย์ บันทึกในหนังสือศักดิ์สิทธิ์แล้ว มิทราบว่าจะสามารถลดโทษเขาได้บ้างหรือไม่?
พระจี้กง :เรื่องนี้อาจารย์จะแจ้งหัวหน้าแดนให้รายงานท่านยมบาลอีกที ส่วนจะลดได้มากน้อยแค่ไหน ก็แล้วแต่ท่านจะพิจารณา
ชิวเซิง :อย่างนี้ก็ยุติธรรมดี
พระจี้กง :เอาละ..ชิวเซิงรีบขึ้นบนดอกบัว เราเตรียมกลับกันได้แล้ว
ชิวเซิง :ผมนั่งเรียบร้อยแล้ว อาจารย์กลับได้
พระจี้กง :ถึงสำนึกเซิ่งเทียนแล้ว ชิวเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าร่าง