หน้ำไหโกวฮุก
ไม่โกรธแค้นสันติสุขสงบเงียบ
จิตใจเรียบบุญปัญญาประจำมั่น
ฉลาดแหลมสว่างคณานับ
อิสระสบายล้ำดุจเทวา
สิ่งที่น่ากลัวของคน ๆ หนึ่งก็คือเพลิงแค้นที่อัดแน่น จิตวิญญาณที่ยากที่จะเป็นอิสระ ชีวิตก็ยากที่จะวิสุทธิ์ได้ หมดทางที่จะอบรมใจให้กว้างขวางได้ จิตที่รู้สึกเมตตาสงสารก็ยากยิ่งที่จะพัฒนาออกมา เกิดความท้อใจขึ้น การกระทำกิจการก็ไม่เป็นกลาง กลมกลืน มักคล้อยไปตามความเศร้าทวีคูณ
ชั่วชีวิตของคน ๆ หนึ่งที่สำคัญก็คือการมีชีวิตชีวา ชีวิตชีวาต้องมีสติสุขภาพจิตก็จะสมบูรณ์ อารมณ์ความกังวลต่าง ๆ ก็ไม่เกิดขึ้น ความร้อนรนกระวนกระวาย ฆาตเคราะห์ก็ไม่เกิดขึ้น ในใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความขมักเขม้นที่จะก้าวหน้าไปสู่ความเจิดจ้าที่ไม่จำกัด นี่จึงจะใช่ความสุขและโชคลาภอันแท้จริง ตรงกันข้าม การมีชีวิตชีวา สิ่งที่ทำลายสุขภาพจิตที่รุนแรงที่สุดคือ “ความโกรธแค้น” การเกิดสภาวะจิตเช่นนี้ ก็คือความคิดที่ไม่สะอาด (อคติ) เพราะปัญญาได้รับความติดขัด สิ่งที่สำคัญยิ่งก็คือเป็นโอกาสให้พิษร้ายต่าง ๆฟักตัวขึ้น ทุกครั้งจะผลิหน่อใจอาฆาต ความรู้สึกทางอารมณ์ถูกทำลายทุกแห่ง ไม่เพียงไม่สามารถทำให้ตนเองเผชิญหน้าต่อปัญหาไม่ได้ หรือเสมอตอบในสิ่งที่ถูกต้องได้ทั้งยังกดตนให้จมอยู่กับอารมณ์ความท้อใจอีกด้วย หมดทางที่จะฉุดขึ้นมาได้ ในสายตาของเขาไม่ว่าจะหลับตาหรือลืมตาล้วนเป็นความบกพร่องของผู้อื่นทั้งสิ้น คอยแต่แคะไคร้ นินทาความสำเร็จผู้อื่น ยากที่ปล่อยวางใจตลอด
มนุษย์ท่ามกลางสภาวะเป็นอยู่ ความคิดในใจสำคัญที่สุด ที่พูดว่า “ในใจมีพุทธะก็เห็นคนเหมือนพุทธะ ในใจมีดิน ก็เห็นคนเหมือนดิน” เพราะฉะนั้นเมื่อในใจมีโกรธแค้นในสมองเห็นคนเหมือนหนี้แค้นมหึมา อ่านประวัติของโจวเฉาใจยิ่งทุกข์ ใจตนเองก็เจ็บทุกข์จนทนไม่ได้ ความเศร้าก็เกิดขึ้นมา
การคบกันอยากให้สนิท ผูกไมตรี ก็ต้องมองจุดดีของคนอื่น ให้รู้สึกชื่นชมผู้อื่น และเอาเยี่ยงอย่างความดีของผู้อื่น เพื่อพัฒนาตนให้ก้าวหน้าโดยไม่มีใจโกรธแค้น เพราะมันจะขวางกันความรู้สึกระหว่างเขากับเรา ลองดูความวุ่นวายของสังคมปัจจุบันมีสาเหตุสำคัญ ก็คือใจที่แค้นเคืองเป็นตัวการณ์ที่ก่อขึ้นไม่สามารถลงเรือลำเดียวกันมีแต่กล่าวร้ายทำลายกัน ต่างคนต่างเดิน ต่างเย้ยหยันกัน ดูถูกกัน แค้นยากให้เขาเผลอปล่อยความชั่วออกมา จะได้แคะคุ้ยความลับ ทำลายชื่อเสียง ใช้กลยุทธทุกวิถีทางบนความเจ็บทุกข์ของผู้อื่น ตัวเราเองไม่ใช่จะมีความสุข ตรงกันข้ามตนเองยิ่งชั่วช้ากว่าเสียอีก
“คิดไว้อย่าให้ความแค้นครอบงำ” จึงจะมีสภาวะชีวิตที่สูงสุด มีทางเดียวเท่านั้นคือปล่อยวางความแค้นเคือง เอาใจที่สะอาดสงบและตื่นไปเผชิญหน้าผู้อื่นจึงจะสามารถบ่มเลี้ยง ท่าทีที่กระจ่างแจ้งในหลักการได้ จึงจะเข้าถึงความคิดที่เปิดเผยและจิตใจที่ถ่อมตนต่องาน ก็เป็นเป้าหมายที่แต่ละคนยึดถือขยันปฏิบัติ
ต้องคิดคำนึงว่าความโกรธแค้นคือจุดอ่อนของจิตใจ ที่ง่ายต่อการตกลงสู่ความบาป ให้คิดหาวิธีที่จะกำราบมัน ไม่แก้ไขปรับปรุง จากการปฏิบัติไปแปรเปลี่ยน เพิ่มพูนปัญญา ให้ชีวิตสมบูรณ์ไปด้วยความรู้จริงความเห็นดีและมีอารมณ์กระปรี้กระเปร่า เพื่อมุ่งเส้นทางที่สว่างไสว