กรรมตามสนอง
ธรรมโบราณว่า “ถ้าหากเป็นร้อยๆกัปป์กรรมที่ก่อไว้ไม่มีสลายกรรมชั่วย่อมตอบผลชั่ว” เรื่องกฎแห่งกรรม ในบันทึกหวนระลึกของอาจารย์เอียนซี ได้บันทึกไว้เรื่องหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง เป็นเรื่องเล่าของอาจารย์ตี้เสียนที่เล่าเรื่องภายในครอบครัว เล่าว่า
ที่เมืองเซี่ยงไฮ้มีข้าราชการผู้ใหญ่ แซ่เฉิน เป็นครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวย ท่านเฉินไปเสียชีวิตที่เมืองเซี่ยงไฮ้ ภรรยาของเขาคิดถึงตลอดวันคืน ร้องไห้ตลอตวัน คิดอยากจะพบหน้าสามีอีกสักครั้ง ในสมัยนั้นมีชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งรู้วิชาผี ก็อย่างที่ชาวจีนในเมืองไทยพูดกับ “เลาะซี้กุ้ย"สามารถจะเรียกวิญญาณของคนตายให้มาคุยกับญาติปัจจุบัน ค่าใช้จ่ายครั้งหนึ่งคิดหนึ่งพันเหรียญเงินยุโรป คุณนายเฉินมีเงินมากใช้จ่ายแค่หนึ่งสองพันเหรียญ สามารถคุยกับสามีก็คุ้มค่า ขอเพียงให้เรียกสามีมาได้ก็พอใจแล้ว จึงเชิญคนฝรั่งเศสมาที่บ้านในคืนนั้น แล้วก็จัดมณฑลพิธีที่ห้องรับแขก สมาชิกในครอบครัวเฉินต่างพากันมาชุมขมเฝ้ามองพร้อมกันที่ห้องรับแขก ทุกคนเงียบกริบ เมื่อจุดตะเกียงขึ้นแล้ว ฝรั่งคนนั้นก็ท่องพึมพำอยู่นานเป็นชั่วโมง ไม่มีอะไรกระดิกเงียบกริบไม่มีผีมา แล้วฝรั่งก็พูดขึ้น“ เฮ้ย! ผีตนนี้ตามหายากจริง หาในยมโลกครึ่งค่อนวันก็ยังไม่พบต่อมาเห็นเขาในขุมนรก ไม่ว่าจะเรียกเขาอย่างไรก็ไม่ออกมา”
คุณนายเฉินตั้งแต่สามีตายไป เจ็บปวดจนไม่อยากมีชีวิต น้ำท่าก็ไม่อยากดื่ม ข้าวไม่อยากกิน คิดที่จะพูดคุยกับสามีท่าเดียว ตอนนี้คุณนายเฉินรู้สึกอดทนรอต่อไม่ไหว รู้สึกมีอารมณ์หงุดหงิดจึงพูดโผงออกมาว่า “ไอ้ผีฝรั่งจะเล่นตลกอะไร จะหลอกคนหรือ สามีข้าตลอดเวลามาเป็นคนชอบบริจาค สร้างวัด สร้างสะพาน ไม่ได้ขึ้นสวรรค์ก็แย่แล้วยังบอกว่าตกนรกอีก เจ้านี่ต้องการจะหยาบน้ำหน้าข้าหรือ”
เจ้าผีฝรั่งถูกต่อว่าต่อขานอย่างนี้ก็สะบัดหน้า เพราะตอนนี้ก็แสดงออกมาไม่ได้ ก็เลยไม่ต่อล้อต่อเถียง ได้แต่สะกดอารมณ์ไว้ คุณเฉินก็ไม่ยอมเลิกลาพล่ามต่อว่าอีก ฝรั่งคนนั้นก็อดทนไม่ไหวจึงพูดว่า “เอาละ!เอาละ! หากคุฌนายไม่เชื่อ ถ้าหากมีใครที่ตายไปใหม่ๆ ฉันจะไปเรียกเขามาให้ท่านดูเป็นหลักฐาน”
“คนอื่นข้าไม่ต้องการ ข้าต้องการสามีข้าคนเดียว!” เขาก็ยังคงโกรธ ต่อไป
ลูกชายคนโตของคุณนายเฉินก็เพิ่งตายไปไม่นานนัก พอฝรั่งพูดเช่นนั้น คนข้างๆ ก็สะกิดบอกคุณนายเฉินว่า “คุณชายใหญ่จากไปไม่นานถ้าเขาเรียกผีได้จริง ก็อาศัยโอกาสนี้ให้คุญนายเล็กใช้จ่ายเงินเล็กน้อยให้เชิญคุฌชายใหญ่มา ทางหนึ่งก็พูดคุยได้ อีกทางก็เป็นพยานหลักฐานได้”ก็ให้มีคนไปบอกคุณนายน้อย แต่นางกลัวคุณนายเฉินจะไม่ยอมอนุญาตก็คิดว่าตนเองจะออกเงินจึงไปขออนุญาตคุณนายเฉินดู
คุณนายเฉินพูดว่า“ ถ้ายอมใช้จ่ายเสียเงินสักครึ่งหนึ่ง แค่ 500เหรียญ คุฌนายน้อยอายุยังน้อย สามีจากไปไม่นานยังมีความเศร้าโศกอยู่ก็คิดอยากจะพูดคุยกับสามีบ้างเพื่อเป็นการปลอบประโลม ใช้จายเงินสักเล็กน้อยคงไม่เป็นไร จึงเอาวันเดือนปีเกิดและวันตายของสามีจดให้ไป” แล้วก็เตรียมรอ คนฝรั่งก็เริ่มทำการใหม่
คราวนี้คอนข้างราบรื่น พอเข้าพิธีประเดี๋ยวเดียว ผีก็มาถึง พอมา
ถึงก็ลงไปนั่งร้องไห้ใต้โต๊ะครู่หนึ่ง ร้องจนน่าสงสารมาก แล้วก็เริ่มพูดจากัน
คุณนายน้อยถามว่า“ เธอเป็นใครกัน”
ผีตอบว่า “ใช่แล้ว ไม่ผิดตัวหรอก”
ถาม“ เธออยู่ยมโลกทำอะไร”
ตอบ "เพราะฉันเพิ่งจากไปไม่นาน ยังเป็นสัมภาเวสีอยู่ยังไม่ถูกจับคุม แต่อีกไม่กี่วันคงต้องถูกจับกุมแล้ว ! ตอนสมัยฉันยังมีชีวิตอยู่วันๆ เอาแต่เที่ยวเตร่ สุรานารีกีฬาบัด ไม่ทำการงาน ทำบาปกรรมไว้มากคงต้องไปรับกรรมเอง แต่ก็ต้องขอโทษเธอ ตอนนี้ฉันก็มาถึงขั้นนี้แล้วหมดปัญญาแล้ว นอกเสียจากเธอจะช่วยสวดมนต์ ทำกุศล อุทิศไปให้เพื่อฉุดช่วยฉันบ้างมีเซ็คอยู่ใบหนึ่งเก็บไว้ในเสื้อผ้าตัวนั้นเธอเอาไปขึ้นเงินได้งานในบ้านก็ต้องเหนื่อยยากเธอแล้ว ช่วยดูแลลูกๆ ให้ดี !
ก็มีคนไปหาเสื้อตัวนั้น ก็พบว่ามีเช็คอยู่ในกระเป๋าเสื้อใบหนึ่งขณะนั้นก็มีคนพาลูกๆ มาที่นั่นแล้วก็ให้เขาถามว่า
ลูกถาม“ ท่านเป็นพ่อฉันใช์ใหม ? ”
ตอบ “ใช่แล้ว ลูกรัก ต้องเชื่อฟังแม่ดีๆ นะ!”
ตอนนี้ผีก็ร้องไห้ คนในบ้านก็ร้องไห้ คนที่มุงดูก็ร้องไห้ เสียงร้องไห้ระงมเต็มห้องรับแขก โดยเฉพาะคุณนายใหญ่ ร้องไห้ยกใหญ่ ต่อมาขณะที่กำลังโศกเศร้าสุดขีด ฉันใดก็คิดได้อยากจะเรียกเถ้าแก่ใหญ่มาพูดจาถึงถามว่า
ถาม “ครั้งแรกจะเรียกบิดาเจ้า ทำไมจึงไม่มา”
ตอบ ได้ยินว่าเขาไปถึงขุมนรกเล้ว”
ขณะพูดจา ผียิ่งร้องไห้ใหญ่ คุณนายเฉินได้ยินก็หยุดไม่ได้ จึงพูดขึ้นว่า “ตลอดชีวิตบิดาเจ้าทำบุญสร้างกุศล ซ่อมสร้างงานต่างๆ สร้างวัดวา บริจาคยาให้ทาน พิมพ์บทสวดมนต์ หนังสือธรรม แล้วยังจะมีวิบากกรรมอะไรจึงต้องตกนรกอีก”นางพูดพลางกระสับกระส่ายทนไม่ได้
ผีจึงพูดกับคุณนายเฉินว่า “ฉันได้ถามเขาแล้ว ตามที่คุณพ่อเล่าเริ่มแรกพ่อเป็นคนจนมาก เป็นข้าราชการที่ปักกิ่ง มีอยู่ปีหนึ่งที่มณฑลซานตงเก็บเกี่ยวไม่ได้ ผู้คนอดยาก ราชวังก็ให้เขานำเงิน 60 หมื่นตำลึงไปช่วยบรรเทาทุกข์ บิดาฉันฉ้อราษฎร์บังหลวง เอาเงินทั้งหมดเข้ากระเป๋าตนเอง ด้วยเหตุนี้ ทำให้คนอดอยากตายเป็นหมื่น ต่อมาทางวังหลวงทราบข่าวจึงส่งคนมาตามดู บิดาก็เอาเงินเป็นหมื่นตำลึง เป็นสินบนปิดปากเพราะมีเวรกรรมหนัก พอมาถึงยมโลกไม่พอกี่วันก็ต้องเข้านรกไป”
คุณนายเฉินพูดว่า“ พ่อเจ้าก็ทำดีมาตลอดไม่น้อยเลย ถึงแม้จะมีโทษ แต่กุศลก็น่าจะตัดโทษได้บ้างไม่ต้องตกนรก”
ผีตอบ บุญกุศลของเขาแม้จะมีมาก แต่ก็ต้านทานโทษไม่ไหวบุญกุศลที่มีก็ขึ้นสวรรค์ไต้ แต่เป็นเรื่องของชาติหน้า แต่ขาตินี้เป็นหนี้ชีวิตเขานับหมื่นชีวิตก็ต้องรับโทษไปก่อน...”
คุณนายเฉินฟังแล้ว ยิ่งเดือดดาลใหญ่ พูดว่า “ถ้าหากทำงานกุศลไม่ได้รับการตอบสนองที่ดีละก็ เราจะทำบุญทำกุศลไปทำไม รีบส่งคนไปที่วัดนั้น ไปทุบมันทิ้ง ขับไล่พวกสงฆ์พวกนั้นออกไป!”
ละครธรรมฉากนี้แสดงการเรียกผีจบลงแล้ว แต่คุณนายเฉินโกรธจนระงับอารมณ์ไม่ได้ แม้แต่ไก่วัดหมาวัดในวัดก็อยู่กันไม่ได้
หลังจากนั้น อาจารย์ตี้เสียนก็ถามนายอู่เต้าที่อยู่เซี่ยงไฮ้ว่า “เรื่องนี้เป็นที่เอิกเกริกทั่วเซี่ยงไฮ้มาระยะหนึ่ง ทุกคนรู้กันไปทั่ว เธอกับบ้านตระกูลเฉินเป็นญาติกัน เป็นเรื่องจริงใช่ไหมละ" นายอู่เต้านิ่งคิดอยู่ตั้งนาน ปากขมิบเข้าขมิบออก ทำท่าไม่ค่อยดีแล้วพูดว่า“ ตอนนั้นคุณเฉินรับราชการอยู่ปักกิ่ง เป็นคนจนจริงเห็นเงินทองแล้วเกิดโลภก็เป็นได้ ฉันก็ไม่กล้าพูด...”
นิทานเรื่องนี้เล่าจากปากอาจารย์ชั้นสูงท่านหนึ่ง น่าจะไม่ผิดความจริง แต่นิทานเรื่องนี้มีเรื่องควรสังวรณ์และมีประโยชน์มาก หลายคนอาจคิดว่ากฎแห่งกรรมไม่มีจริง คิดว่าชาติหน้าจะมีใครมองเห็น จึงคิดเสพสุขเสียในชาติปัจจุบัน จึงไม่ละเว้นการกระทำเพียงเพื่อให้ได้มาเป็นพอ ไม่ว่าที่มาของเงินทองจะเป็นอย่างไร จากนิทานเรื่องนี้ เรามีจุดที่ควรพิจารณาหลาย แห่ง
1. คนโบราณว่า เป็นข้าราชการหนึ่งชาติเป็นควายเก้าชาติหมายความว่า ใช้อำนาจรัฐ ข่มเหงราษฎร ฉ้อราษฎร์บังหลวง กินสินบนได้เงินมาคล่องค์ก็เที่ยวดื่มกิน เสพสุขต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปล้น ฆ่า ข่มขืนรังแกชาวบ้าน สร้างบาปนับไม่ถ้วน ดังนั้น จึงต้องเป็นควายเก้าชาติเพื่อชดใช้หนี้ กรรม
2. เบียดบังเงินทึ่สงเคราะห์ภัยมีโทษหนัก เพื่อเกี่ยวข้องกับซีวิตคน หนี้ชีวิตชดใช้หมดยาก
3. การฉ้อราษฎร์บังหลวงเพียงคนเดียวเรื่องเล็ก ถ้าทำเป็นทีมความเสียหายยิ่งมาก เพราะเกี่ยวพันกับเศรษฐกิจ ประชาชน รัฐบาล การก่อสร้าง พวกโกงกินต้องรับผิดชอบต่อประชาชนทั้งประเทศ เพราะฉะนั้นโทษกรรมหนักมาก ถ้าโทษใหญ่ก็เป็นเคราะห์ภัยทั้งประเทศ ถ้าเล็กน้อยลูกหลานก็ไม่ได้ดี
4. ในโลกนี้มีผีหรือไม่ หรือถามว่า“ ตอนนี้เป็นยุคสมัยอะไรแล้วพูดถึงผีจะไม่เป็นวิทยาศาสตร์หน่อยหรือ” ในโลกนี้เรื่องที่ไม่รู้ยังมีอีกมากมายนัก เราอย่าพึ่งด่วนตัตสินว่ามีผีหรือไม่ ถ้าอ้างตามเรื่องนี้ผู้ที่แสดงเป็นคนฝรั่งเศส จะแสดงได้แบบจริงขนาดนี้หรือ ที่แน่ๆ และน่าประหลาดใจก็คือเช็คเงินสดที่ใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อของผู้ตาย ก็เป็นพยานหลักฐานของการมีอยู่จริง จะเห็นได้ว่าเราไม่สามารถชี้ขาดลงไปว่าไม่มีผีอยู่ ถ้าหากไม่ชี้ลงไปว่าผีมีอยู่แล้ว คนก็จะไม่กลัวฟ้าดินเรื่องชั่วร้ายต่าง ๆก็กล้าทำ ถ้าเป็นเช่นนั้นโลกนี้จะไม่วุ่นวายหรอกหรือ
5. ถ้ากฎแห่งกรรมไม่มี ถึงแม้นายเฉินจะฉ้อราษฎร์บังหลวงได้เงินทองมา สามารถเสพสุขได้ตลอดชีวิต นอกจากปกปิดโทษผิดของตัวแล้วยังให้สินบนข้าราชการผู้อื่นช่วยปกปิด ตนเองก็เที่ยวผลาญเงินเล่นยิ่งสร้างเวรกรรมมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ตามที่ชาวบ้านพูดกันว่า“รวยไม่ถึงสามชาติ” ก็ปรากฏให้เห็นแล้วในบ้านของเขา บุตรชายของเขาก็ล้างผลาญสุรานารีกีฬาบัด สร้างบาปกรรมหนัก จึงจบชีวิตลงในเวลายังหน่มแน่นเป็นครอบครัวที่ไม่ดีในอนาคต นี่มิใช่หรอกหรือว่า สร้างกรรมในชาตินี้ กรรมตอบสนองในชาตินี้ ทันตาเห็น
6. เอาบุญกุศลหักล้างหนี้กรรม สร้างหนี้ชีวิตคนจำนวนมากเช่นนี้ จะสร้างกุศลเพียงบริจาคเงินซื้อยา ทำกุศลบริจาคทานสร้างวัดเลี้ยงพระแล้วจะหักล้างหนี้กรรมได้ มันจะไม่ง่ายไปหน่อยหรือ การหักล้างหนี้กรรมเป็นไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเวลาของการสร้างบาปกับสร้างกุศลไม่เหมือนกัน และเงินที่นำไปสร้างกุศลก็เป็นเงินไม่สะอาด ไม่ไช่เงินที่หามาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตนเอง ที่จริงแล้วจะนำมาเป็นบุญเป็นกุศลไม่ได้ จะนับอะไรกับเอาบุญกุศลมาหักล้างหนี้กรรม
นิทานเรื่องนี้สอนให้เรารู้ว่า ควรเชื่อว่าในความลี้ลับก็ยังมีผีอยู่ ในความลี้ลับกฎแห่งกรรมมีอยู่ ด้วยเหตุนี้ ในโลกนี้ความสำคัญอยู่ที่ความดีความชั่ว “ความดีผลตอบแทนดี ความชั่วผลตอบแทนชั่ว เวลายังไม่ถึงเท่านั้น ไม่ใช่ว่าไม่มีผลตอบแทน” กฎแห่งกรรมควรเชื่อถืออย่าได้สง สัย เลย
