ปากเสีย

    ครั้งนั้น ในรัชสมัยกวางสู ที่ตำบลซีเหมิน เมืองกวางเจาครอบครัวหนึ่งแซ่กว่าง มีพ่อ แม่  ลูกชายตัวเล็กๆ สองคนและลูกสาวสุดท้องอีกหนึ่งคน เป็นครอบครัวที่ยากจนค่นแค้นมาก

     วันหนึ่ง เมื่อข้าวสารกำมือสุดท้ายกินหมดไปแล้วเมื่อวันวาน ในบ้านไม่เหลืออะไรที่จะกินเป็นอาหาร หรือนำไปแลกอาหารได้อีกเลยทุกคนต่างได้รับทุกข์ทรมานจากความหิวอย่างเหลือทน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กๆ พ่อตัดสินใจแบกตุ่มเปล่า ที่เป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายของบ้านขึ้นใส่บ่าออกจากบ้านไป เมื่อไปถึงย่านตลาดข้างสะพาน "ชิงเฟิง" นายกว่างก็หยุดลงที่หน้าร้านขายยา "หลินจือถัง" วางตุ่มน้ำลงร้องขาย ย่านตลาดแห่งนี้แม้จะมีผู้คนจอแจ แต่ก็ไม่มีใครสนใจจะซื้อตุ่มน้ำเลย นายกว่าง เฝ้ารอความหวังที่จะขายตุ่มน้ำอยู่ตั้งแต่เช้าจนกระทั่งห้าโมงเย็น จึงได้มีชายคนหนึ่งเข้ามาถามราคา "สองร้อยบุ๋นเท่านั้น" นายกว่างบอก "หนึ่งร้อยแปดสิบเป็นไง" คนซื้อต่อรอง นายกว่างพยายามขอราคาเดิมอยู่นานไม่เป็นผล จึงตัดใจยอมขายให้

     ขณะที่ผู้ซื้อกำลังนับเงินหนึ่งร้อยแปดสิบบุ๋น จะจ่ายให้นายกว่างเป็นค่าตุ่ม  บังเอิญเจ้าของร้านขายยาหลินจือถังเดินออกมา เขาชะโงกหน้ามองในตุ่มแล้วพูดกับคนซื้อตุ่มว่า "ที่ก้นตุ่มมีรอยร้าวอยู่เส้นหนึ่ง" คนซื้อก้มลงมองดูก็เห็นจริง จึงเก็บเงินใส่กระเป๋าบอกว่าไม่ซื้อแล้ว นายกว่างพยายามพิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นรอยปูน ไม่ใช่รอยร้าว คนซื้อก็เปลี่ยนใจไม่ซื้อเสียแล้ว นายกว่างจึงต้องยืนคอยความหวังต่อไปอีก ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปนานแล้ว นายกว่างหมดหวังที่จะคอยต่อไปอีก จึงจำใจแบกตุ่มขึ้นบ่า

      "ป่านนี้ลูกๆจะร้องไห้ปวดท้องดิ้นรนกันอย่างไรก็ไม่รู้ นี่เราจะทำอย่างไรดี..."  นายกว่างรำพึงในใจ พร้อมกับพาขาอันเบาโหวงท้องกิ่วหูอื้อตาลายกลับบ้าน ขาเบาแต่บ่าหนัก อีกทั้งทางเดินก็ขรุขระ นายกว่างจึงสะดุดล้มลง ตุ่มราคาหนึ่งร้อยแปดสิบบุ๋นแตกดังโครม ชีวิตของเราต้องอาภัพอับจนถึงเพียงนี้ พยายามทำทุกอย่างแล้วก็ไม่ได้ผล เรายังจะฝืนอยู่ต่อไปอีกทำไม นายกว่างนั่งมองตุ่มน้ำที่แตกเป็นเสี่ยงๆ อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาที่ไร้จุดหมายเป็นเวลานาน ท้องฟ้ามืดลงอย่างรวดเร็ว เป็นครั้งแรกที่ในชีวิตที่นายกว่างอยากฆ่าตัวตาย คืนนี้ เขาไม่อาจจะกลับบ้าน ทนเห็นความทุกข์เวทนาของลูกเมียได้ เขาเดินเรื่อยไปตามทาง ซึ่งบัดนี้มีแต่ความมืดมนและเงียบสงัด

      ทันใดนั้นก็ปรากฏร่างชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่ง โผล่ออกมาจากความมืดข้างหน้า  ตะคอกถามนายกว่างว่าดึกดื่นป่านนี้แล้วออกมาเดินทำไม นายกว่างจึงเล่าความเป็นไปทั้งหมดให้ชายเหล่านั้นฟัง ชายเหล่านั้นรู้สึกเห็นใจนายกว่างเขาบอกว่า "ไม่เป็นไร เราจะช่วย เดินตามเรามาซิ" นายกว่างเดินตามไปอย่างว่าง่าย จนไปถึงหน้าบ้านใหญ่หลังหนึ่ง เขาเห็นชายฉกรรจ์เหล่านั้นช่วยกันงัดแงะแล้วบุกเข้าไปในบ้านนั้น พักใหญ่ ชายฉกรรจ์เหล่านั้นก็กลับออกมาพร้อมด้วยหีบห่อข้าวของมากมาย พวกเขาโยนผ้าห่มที่ห่อเสื้อผ้าข้าวของใช้ให้นายกว่างหนึ่งห่อ เมื่อตกอับถึงเพียงนี้ นายกว่างจึงรับไว้โดยไม่คำนึงถึงความถูกผิดอย่างไรเลย

      วันรุ่งขึ้น เจ้าของบ้านที่ถูกปล้นก็ไปแจ้งความ ทางการจึงออกตรวจค้นของกลางตามบ้าน  ในที่สุดก็มาค้นได้ที่บ้านนายกว่าง นายกว่างจึงตกเป็นผู้ต้องหาอย่างดิ้นไม่หลุด เมื่อทางการสอบปากคำ เขาพยายามเล่าความเป็นจริงทุกอย่าง แต่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองก็ไม่ยอมเชื่อว่าเขาไม่ได้ลงมือปล้นเจ้าหน้าที่คาดคั้นให้เขาเปิดเผยตัวหัวหน้าโจร เขาก็บอกไม่ถูก เมื่อคาดคั้นเอาความจริงไม่ได้ เจ้าหน้าที่ก็ลงแส้โบยตี เขาต้องได้รับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส เขาคิดถึงเหตุที่ผลักดันให้เขาต้องได้รับผลกรรมนี้

     "เป็นเพราะเจ้าของร้านขายยาหลินจือถังนั่นทีเดียว"

     เย็นวันนั้นหากเจ้าของร้านหลินจือถังไม่เข้ามาสอดรู้สอดเห็น ก้าวก่ายเรื่องของคนอื่น  หรือเป็นคนปากเสียอวดรู้ อยากแสดง เรื่องก็คงไม่เป็นเช่นนี้ เมื่อได้เงินค่าตุ่มน้ำแล้วนายกว่างก็จะต้องรีบซื้อข้าวสารและอาหาร กลับไปเลี้ยงลูกเลี้ยงเมียที่บ้าน ไม่ต้องเดินทอดอาลัยตายอยากอยู่กลางทางจนดึกดื่น ไม่ต้องมีส่วนเกี่ยวพันกับพวกโจร และก็ไม่ต้องถูกจับรอเป็นนักโทษประหารเช่นนี้ นายกว่างยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น

     วันรุ่งขึ้น เขาถูกลากตัวไปโบยเพื่อให้รับสารภาพและเปิดเผยตัวหัวหน้าโจรอีก ครั้งนี้  เขารับสารภาพเพราะทนทรมานกับความเจ็บปวดไม่ไหว อีกทั้งรู้ชัดว่าไม่มีทางหลุดพ้นแน่ และครั้งนี้ นายกว่างได้เปิดเผยตัวหัวหน้าโจรต่อทางการ เขาบอกว่ามันคือ "เจ้าของร้านขายยาหลินจือถัง" เมื่อเจ้าของร้านขายยาหลินจือถัง ถูกลากคอมาที่คุมขังเขาได้แต่ร้องว่า "กระผมไม่ผิด กระผมไม่รู้เรื่องอะไรเลย..." แต่นายกว่างให้การยืนยันแน่ชัด เจ้าของร้านขายยาปฏิเสธข้อหา จึงถูกโบยซ้อมอย่างหนัก จนในที่สุดเมื่อทนต่อการถูกทรมานไม่ไหว เขาจึงต้องจำใจรับสารภาพ

     คืนนั้นเมื่อยู่กันตามลำพังในห้องขัง เจ้าของร้านขายยากระซิบถามนายกว่างว่า  "พี่ชาย ถามจริงๆเถอะ เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางต่อกัน เหตุใดพี่ชายจึงจงใจมาใส่ความกันอย่างนี้"

     "ท่านทำเป็นลืมได้อย่างไร" นายกว่างตอบด้วยน้ำเสียงเคียดแค้น "คำพูดของท่านเพียงคำเดียวได้เปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของเราจนหมดสิ้น  เราคือคนที่นำตุ่มน้ำไปตั้งขายที่หน้าร้านของท่านไงล่ะ ท่านลืมเสียแล้วหรือว่าได้พูดอะไรที่ไม่ใช่กงการของท่านไปบ้าง"

     เจ้าของร้านขายยาคิดทบทวนเหตุการณ์แล้ว ก็เฝ้าตบปากตัวเอง ขอโทษขอโพยนายกว่าง ว่าเขาไม่มีเจตนาที่พูดไปนั้น เป็นเพราะปากพล่อย นายกว่างตอบว่า "เจตนาหรือไม่เป็นเหตุเบื้องต้น แต่ผลที่เกิดจากเหตุนั้น ผู้ก่อเหตุหนีความรับผิดชอบไม่พ้นแน่ ฉะนั้น หากเราจะต้องรับโทษประหารในครั้งนี้ ท่านก็จะต้องตายตกไปตามกัน"

     ในที่สุดด้วยคำพูดเพียงคำเดียว เจ้าของร้านขายยาก็ได้เปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของเขาไปเช่นกัน เขาถูกประหารชีวิตพร้อมกับนายกว่าง


0
252

พล่าเห็ด

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago
หมี่กึงราดหน้า

หมี่กึงราดหน้า

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago

กรรมของคนใจบาป

ที่เมืองไถหนาน นาย ก. แต่งงานกับนางเฉินมา 20 ปี มีบุตรชายหญิงด้วยกันสามีภรรยามักจะทะเลาะตบ...

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago
ประวัติพระอรหันต์จี้กง ตอนที่ 20

ประวัติพระอรหันต์จี้กง ตอนที่ 20

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago

จิตสรณะ

ไท้เสียงเล่ากุง พระศาสดาแห่งเต๋า

1654918052.jpg
mindcyber
1 year ago