เฉาปิน เป็นชื่อแม่ทัพใหญ่ท่านหนึ่งในสมัยราชวงศ์ซ่งปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือราชการงานเมืองในพระเจ้าซ่งไท่จู่ฮ่องเต้ ช่วยปราบขบถหัวเมืองต่างๆ ได้ราบคาบสร้างความสงบสุข และความเป็นปึกแผ่นให้แก่บ้านเมืองเป็นอันมาก
วันหนึ่งเฉาปินได้พบผู้คงแก่เรียนท่านหนึ่งนามว่า เฉินป๋อซี ซึ่งเป็นผู้ปราดเปรื่องในศาสตร์ต่างๆ ยิ่งนัก โดยเฉพาะการดูลักษณะราศีของคน เมื่อเฉินป๋อซีเห็นลักษณะราศีของแม่ทัพเฉาปิน ก็ให้คำทำนายทายทักว่า
"ท่านแม่ทัพ มีกระดูกข้างแก้มทั้งสองข้างสูงนูน หน้าผากกว้าง นัยน์ตายาว ประกายตาสว่าง แสดงถึงความร่ำรวยสูงศักดิ์ตั้งแต่เยาว์วัย เสียแต่คางสั้นปากย้อยลงในวัยชราจะไม่มีบุญวาสนา วิธีที่จะแก้ได้คือ ทุกครั้งที่ออกรบ จงเปิดทางเป็นช่องโหว่ให้ศัตรูมีทางหนีเอาตัวรอดสักช่องหนึ่ง เหมือนการวางตาข่ายดักจับนกที่เปิดมุมตาข่ายไว้ข้างหนึ่ง อย่าได้กำหนดชะตากรรมของผู้เคราะห์ร้าย หรือนกที่ติดกับเสียทั้งหมดเลย บุญวาสนาในบั้นปลายของชีวิตตนก็พอจะมีเหลือบ้าง"
แม่ทัพเฉาปิน ฟังคำของท่านเฉินป๋อซีแล้วรู้สึกเห็นด้วย หลังจากนั้น ครั้งแรกที่แม่ทัพเฉาปินต้องนำทัพไปตีเมืองสู ยึดเมืองสุยหนิงได้ นายและพลทหารน้อยใหญ่ใต้บังคับบัญชาของแม่ทัพเฉาปินต่างลงมติให้ฆ่าล้างเมือง แต่แม่ทัพเฉาปินออกคำสั่งเด็ดขาดว่า เมื่อการสู้รบประจัญหน้าสิ้นสุดลงแล้ว ห้ามมิให้ทหารนายกองคนใดคนหนึ่งทำลายชีวิตชาวเมืองอีกแม้แต่ชีวิตดียว ผู้หญิงที่พวกทหารฉุดคร่ามาได้ทั้งหมด ให้นำไปรวมไว้ในที่อันควร ให้การเลี้ยงดูและจัดเวรยามดูแลให้ความปลอดภัยอย่างแข็งขัน มิให้เกิดการล่วงเกินรังแกต่อหญิงสาวเหล่านั้นเป็นอันขาด
จนกระทั่งเสร็จสิ้นการรบ พ้นจากภาวะสงครามแล้วแม่ทัพเฉาปินจึงได้แจกจ่ายข้าวของเงินทองให้แก่หญิงที่มีครอบครัว มีที่พักพิง ให้เดินทางไปบ้านของตนได้ ส่วนหญิงที่เคราะห์ร้าย ไม่มีที่พึ่งพาอาศัยอีกต่อไปแม่ทัพเฉาปินก็อุปการะไว้ชั่วคราว รอดูความเหมาะสมให้เธอเหล่านั้นตัดสินใจเลือกทางเดินชีวิตกันเอง โดยแม่ทัพเฉาปินจะเป็นผู้อนุเคราะห์ให้ตามประสงค์ที่ควร ชาวบ้านชาวเมือง จึงต่างแซ่ซ้องสาธุการในคุณธรรมของแม่ทัพเฉาปินกันทั่วหน้า
ต่อมา แม่ทัพเฉาปินก็ได้รับบัญชาให้ยกทัพไปพิชิตหัวเมืองทางใต้ ฝั่งแม่น้ำแยงซีเกียง แม่ทัพเฉาปิน รู้สึกเศร้าใจต่อการที่จะต้องไปทำลายชีวิตของผู้คนทั้งหลายอีก จึงแสร้งทำป่วย กราบทูลขอไม่เป็นผู้นำทัพไปรบครั้งนี้ แม่ทัพนายกองทั้งหลาย เมื่อได้ทราบข่าวว่าแม่ทัพเฉาปินป่วย ต่างพากันไปเยี่ยมเยียน ไต่ถามอาการไข้ด้วยความห่วงใย แม่ทัพเฉาปินตอบว่า
"อาการเจ็บป่วยของข้าพเจ้าครั้งนี้ ไม่มียาอะไรจะรักษาให้หายได้เลย หากพวกท่านตั้งใจอยากจะช่วยข้าพเจ้าหายป่วย ก็ขอให้ทุกท่านตั้งใจจริง ให้สัตย์ปฏิญาณว่าเมื่อพิชิตหัวเมืองทางใต้ฝั่งแม่น้ำแยงซีเกียงได้ในวันใด ก็จะหยุดการฆ่าคนโดยไม่จำเป็นทันที ถ้าทุกท่านทำเช่นนี้ได้ อาการป่วยของข้าพเจ้าก็จะหายขาด"
โดยปกติแม่ทัพเฉาปินเป็นคนโอบอ้อมอารี มีนำใจต่อลูกน้องและเพื่อนฝูงทั่วไป ฉะนั้น เมื่อเอ่ยปากขอเช่นนี้แม่ทัพนายกองกระทั่งพลทหารทุกคนก็ยินดีจะปฏิบัติตาม หวังเพื่อให้แม่ทัพเฉาปินหายป่วย ดังนั้นทุกคนจึงร่วมกันจุดธูป คุกเข่าลงปฏิญาณต่อฟ้าดินว่าจะปราบปรามหัวเมืองทางใต้โดยหน้าที่ แต่จะไม่ทำลายเลือดเนื้อผู้ใดโดยไม่จำเป็นเลย ข่าวการสาบานตัวของทหารทั้งหลาย ที่จะออกไปปราบปรามหัวเมืองทางใต้แพร่สะพัดไปเข้าหูชาวเมืองใต้เข้า ชาวเมืองรู้สึกซาบซึ้งในคุณธรรมของผู้ที่จะยกกองทัพมาปราบปรามยิ่งนัก ถึงกับตั้งโต๊ะบูชาเตรียมต้อนรับกองทัพที่จะเข้ามายึดครองบ้านเมืองของตน เลิกล้มการซ่องสุมต่อต้านด้านกำลังอาวุธและผู้คนต่อไป
ในครั้งนั้น หัวเมืองตอนใต้ของแม่น้ำแยงซีเกียงกลับคืนมาอยู่ในความปกครองของซ่งไท่จู่ฮ่องเต้อย่างง่ายดาย เท่ากับแม่ทัพเฉาปินได้รักษาชีวิตเลือดเนื้อของชาวบ้านชาวเมืองไว้ได้นับหมื่นนับพันทีเดียว หลังจากนั้นไม่นาน แม่ทัพเฉาปินก็ได้พบกับท่านเฉินป๋อซี แล้วทำนายทายทักว่า
"เมื่อสองสามปีก่อน ข้าพเจ้าเคยตำหนิลักษณะของท่านว่าคางสั้นปากย้อย เห็นชัดว่าท่านจะไร้บุญวาสนายามแก่เฒ่า แต่บัดนี้ ลักษณะหน้าตาราศีของท่านได้เปลี่ยนไปแล้ว มุมปากของท่านงามสมบูรณ์ ราศีทองจับทั่วใบหน้าท่านจะมีอายุมั่นขวัญยืน อุดมด้วยบุญวาสนาอันประมาณมิได้ทีเดียว"
แม่ทัพเฉาปินถามว่า "ราศีทองเป็นเช่นไรหรือ"
ท่านเฉินป๋อซีตอบว่า "ราศีทองคือราศีแห่งคุณธรรม เหมือนสีม่วงรุ้งเรืองรอง ผู้ใดหากสร้างบุญด้วยกุศลจิตภายใน ระหว่างคิ้วทั้งสองจะปรากฏรัศมีเหมือนสีรุ้งสว่างไสว นัยน์ตาจะมีประกายศักดิ์สิทธิ์ เส้นผมเหมือนมีแสงสีมงคล ราศีเหล่านี้ให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวา สว่างไสวอยู่ภายนอก และชุ่มชื่นอยู่ภายใน ลักษณะเช่นนี้ไม่เพียงแต่จะแสดงให้เห็นว่า อายุวรรณะจะเพิ่มพูน ทั้งยังให้ความร่มรื่นแก่ลูกหลานบริวารต่อไปมากมายและยาวนาน"
ในชีวิตบั้นปลายของท่านแม่ทัพเฉาปิน มีความสมบูรณ์พูนสุขพรั่งพร้อมด้วยบุญวาสนา บุตรชายเก้าคนล้วนเจริญรุ่งเรือง คนสุดท้องได้เป็นถึงเจ้าเมือง คนโต คนรอง และที่สามเป็นแม่ทัพใหญ่ในสมัยนั้น คนอื่นๆ เรื่อยไปจนถึงชั้นหลานๆ ก็ล้วนแต่บุญหนักศักดิ์ใหญ่ทั้งสิ้น ส่วนตัวแม่ทัพเฉาปินเอง มีชีวิตอยู่ในความสุขจนถึงอายุหกสิบเก้าปี และถึงแก่อสัญญกรรมขณะดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองหยางจวิ้น เกียรติยศได้ปรากฏทั้งเมื่อมีชีวิตอยู่ถึงวันสุดท้ายและตราบจนเท่าทุกวันนี้
ปัจจุบัน ศัลยกรรมตกแต่งกำลังเป็นที่นิยมของผู้ที่คิดว่าตนเองมีปมด้อยของส่วนประกอบแห่งใบหน้า ศัลยกรรมตกแต่งช่วยเสริมสร้างเปลี่ยนลักษณะ "โหงวเฮ้ง" ได้ แต่เพียงลักษณะผิวเผินเท่านั้น มิรู้ว่าลักษณะที่แท้จริงอยู่ที่ราศีต่างหากเป็นสำคัญ และราศีจะเกิดมีขึ้นได้โดยแรงแห่งกุศลจิตภายในที่เปล่งประกายออกมาเป็นความงดงามที่สะดุดใจมากกว่าสะดุดตา ก่อให้เกิดความสุขความอบอุ่นแก่ผู้อยู่ใกล้ชิดเสมอ ตรงกันข้าม หากเป็นโหงวเฮ้งที่ผ่านจากการตกแต่งใหม่จะเป็นด้วยศัลยกรรมหรือกรรมวิธีใดก็ตาม โดยไม่มีราศีแห่งคุณธรรมฉาบฉายหล่อเลี้ยงอยู่ ใบหน้านั้นก็ไม่ต่างอะไรกับหน้ากากที่สะดุดตา แต่ให้ความรู้สึกที่อึดอัดใจแก่ผู้พบเห็น หรือผู้ใกล้ชิดไม่วาย