เกริ่นนำ
เรื่องกฎแห่งกรรมตามสนองนั้นเป็นเรื่องจริง อดีตคนเราสร้างเหตุใดไว้ ปัจจุบันย่อมได้รับผลอย่างแน่นอน
อริยะปราชญ์กลัวสร้างเหตุ มนุษย์กลัวรับผล พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” เป็นความจริงที่สุด เพียงแต่ว่าผลนั้นจะตามมาตอบสนองช้าหรือเร็วเท่านั้นหนังสือ “ประจักษ์แจ้งผลแห่งกรรม” เล่มนี้ จะเป็นอุทาหรณ์สอนใจสำหรับผู้ที่กำลังจะสร้างเหตุแห่งกรรมได้ไม่มากก็น้อยและในอนาคตทุกคนจะมุ่งมั่นปฏิบัติแต่ความดีเท่านั้น
ขออนุโมทนา
ชีวิตมนุษย์ทุกคนล้วนต่างมีกรรมเป็นของตนเอง มาแต่อดีตชาติ หากยังไม่มีผลตอบสนองเกิดขึ้นในปัจจุบัน ยากจะรู้ได้ว่าตน ได้สร้างเหตุแห่งกรรมใดเอาไว้ แต่เมื่อทุกท่านได้อ่านคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ได้ตรัสเอาไว้ จึงจะทราบถึงต้นเหตุผลกรรม ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากลัวยิ่งนักเพราะเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น เมื่อมีผลตอบสนองเกิดขึ้น บางครั้งก็ช่วยแทบไม่ทัน “ ติดหนี้เงินทองก็ต้องชดใช้ด้วยเงินทองติดหนี้ชีวิตก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิต ” กฏของฟ้าดินนั้นยุติธรรมทุกคนมิอาจหลบหลีกได้ เช่นเดียวกับ คุณอัจฉรา ทินแก้ว( คุณก้อย ) ที่ไม่สบายด้วยโรคมะเร็งในลำไส้ ยากรักษาให้หายได้ นั่นคือโรคเจ้ากรรมนายเวรทวงหนี้นั่นเอง
หลังจากเรียนจบมัธยมปลาย ก็ได้เดินทางมาศึกษาต่อ ในกรุงเทพ ฯ ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง
จนกระทั่งปี พ.ศ. 2537 คุณจินตนา ทินแก้ว และคุณจงกล ทินแก้ว ซึ่งเป็นพี่สาวก็ได้ชักชวน มารับวิถีธรรมหลังจากรับธรรมแล้ว มิได้มีความศรัทธาแต่อย่างใด ยังมีจิตคลางแคลงสงสัย และไม่พอใจพี่สาวทั้งสอง ที่ปฏิบัติบำเพ็ญช่วยเหลืองานธรรมะอยู่ที่จังหวัดระนอง โดยเฉพาะกับพี่สาวคนรองคือ คุณจินตนา ทินแก้ว ซึ่งปัจจุบันเป็นอาจารย์ชี้แนะรับผิดชอบอยู่ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
คุณอัจฉรา คิดอยู่เสมอว่าธรรมะ ได้ทำให้พี่สาวไม่รักไม่สนใจเขา และเขาต้องอยู่ในกรุงเทพอย่างเดียวดายมาตลอดจึงมีอคติต่อธรรมะพอสมควร พี่สาวทั้งสองก็พยายามชี้แจงถึงเหตุผลต่างๆ ให้เข้าใจถึงภาวะความเป็นจริง ของครอบครัว มิได้เป็นเพราะธรรมะเลย และได้อธิบายถึงความสูงส่งล้ำค่าของธรรมะตลอดมา แต่ก็ยังปิดกั้นจิตตนเองไม่ยอมรับฟังและไม่ศรัทธาเชื่อถือต่อธรรมะเลย
ไม่นานต่อมาคุณอัจฉรา ก็ได้ป่วยเป็นลำไส้อักเสบและเจ็บออดๆ แอดๆ มาตลอด
จนกระทั่งปลายปี 2544 ก็เริ่มมีอาการเจ็บมากขึ้นจนไม่สามารถไปทำงานตามปกติได้ อาการป่วยจึงหนักขึ้นเรื่อยๆเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยๆ คุณหมอก็ได้ตรวจพบว่า คุณอัจฉราได้เป็นเนื้องอกในลำไส้ใหญ่ เมื่อทานอาหารลงไปก็จะเก็บซับไว้ไม่อยู่ จะขับถ่ายออกมาหมด ต้องเข้าออกโรงพยาบาลต้องให้น้ำเกลือตลอดเรื่อยมาระยะหลังอ่อนเพลียมีอาการหนักกว่าทุกครั้ง คุณจินตนาพี่สาวก็ได้มาเฝ้าที่โรงพยาบาลเมื่อมีคนที่ปฏิบัติงานธรรมไปเยี่ยมก็จะแสดงอาการไม่ค่อยพอใจไม่ทักทายหรือพูดคุยด้วย พี่สาวก็จะขอโทษกับทุกคน ที่น้องสาวแสดงกิริยาไม่สุภาพ แล้วพยายามช่วยให้น้องสาวเข้าใจในธรรมะ จนเริ่มมีอาการดีขึ้นคุณจินตนาจึงพาไปเข้าร่วมประชุมธรรมมหาชาติ ที่สถานธรรมกวงหมิงจังหวัดระนอง ทำให้เริ่มเข้าใจต่อธรรมะบ้าง หลังประชุมหนึ่งอาทิตย์คุณจินตนาก็พากลับเข้ากรุงเทพฯ มาช่วยงานประชุมธรรมชั้นพุทธาภิเษกที่กรุงเทพอีกครั้ง
วันที่ 2 ของการประชุมธรรม พระอาจารย์จี้กงก็เสด็จมาเมตตา ได้ตรัสว่า หากสามารถมอบชีวิตให้ฟ้า ฟ้าก็จะไม่ดูดาย ตั้งแต่นั้นมาอาวุโสก็เมตตาให้เข้ามาช่วยงานในร้านหนังสือกระวี อาการป่วยก็เริ่มดีขึ้น แต่เนื่องด้วยโรคที่เป็นอยู่และใจที่ยังปล่อยวางไม่ได้ จึงทำงานด้วยความตึงเครียดและยังกล่าวโทษตำหนิ มีผิดบาปทางวาจาโดยไม่รู้ตัว จนเมื่อถึงเดือนเมษายน พ.ศ. 2546 ที่ผ่านมา ลำไส้เริ่มมีอาการอักเสบขึ้นมาอีก แพทย์จึงได้ตัดเนื้องอกที่ลำไส้ไปตรวจจึงรู้ว่าเป็นมะเร็งในลำไส้ นับจากนั้นคุณหมอก็นัดไปตรวจทุกเดือน แต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้น
วันที่ 28 เดีอน พฤษภาคม พ.ศ. 2546 คุณอัจฉรากลับจากโรงพยาบาล อาจารย์อาวุโสได้มอบหมายให้อาจารย์หลินเหมยเหม่ย ( คุณจินตนา ) ทำพิธีถวายใบฎีกาตั้งปณิธานอุทิศตนเพื่อธรรมให้คุณอัจฉราในเวลา 8.30น.ที่สถานธรรมเต๋ออิน
แต่เมื่อถึงเวลาประมาณ 18.25 น. ขณะที่สามคุณกำลังพักผ่อนและทำธุระส่วนตัวอยู่ชั้นบนนั้น ก็เกิดอาการผิดปกติขึ้นมาคืออยู่ๆ มือทั้งสองข้างมีอาการเกร็งและงอเหมือนจะกำเข้ามาเรื่อยๆ แล้วมีความรู้สึกเหมือนมดไต่จากมือขึ้นมา จึงรีบเข้าไปพักผ่อนในห้อง(โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าคุณอัจฉรากลับมาแล้ว)
ซึ่งตอนนั้นบุคลากรทั้งหลาย กำลังรับประทานอาหารอยู่ชั้นล่าง ทันใดก็ได้ยินเสียงดัง ปัง! ปัง! ปัง! ทุกคนคิดว่าคงมีคนทำของตกพื้นเลยไม่สนใจ นั่งรับประทานอาหารกันต่ออีก 5 นาที ก็ได้ยินเสียงเรียกมาจากห้องพระ บุคลากรท่านหนึ่งเอะใจจึงได้วิ่งขึ้นไปดูบนห้องพระ ก็ต้องตกใจมากเพราะสิ่งที่ปรากฎอยู่ตรงหน้าคือ สิ่งศักดิ์สิทธิได้ยืมร่างสามคุณยืนอยู่ แล้วเรียกคุณจินตนาและคุณอัจฉรา เข้ามาสู่ห้องพระพร้อมกล่าวว่า
เทพกวนอู : ปณิธานอุทิศตนเพื่อธรรมเป็นปณิธานใหญ่ เป็นปณิธานของพระโพธิ์สัตว์ เมื่อตั้งแล้วถ้าไม่บรรลุปณิธานยากที่จะกลับเบื้องบนได้ การสำนึกผิดบาปจะต้องสำนึกด้วยใจจริง ด้วยอาศัยบุญกุศลของหลินเตี่ยนฉวนซือ จึงสามารถมีชีวิตอยู่จนถึงบัดนี้ เจ้ากรรมนายเวรเตรียมเข้าแถวพร้อมที่จะทวงหนี้ทุกเวลา หากยังไม่สำนึกด้วยใจจริง หากยังมีการกล่าวโทษ หากยังมีคำครหานินทา ก็จะเปิดโอกาสให้เจ้ากรรมนายเวร เข้ามาทวงหนี้ได้ หากบุญกุศลของเธอไม่เพียงพอจะต้องเอาบุญกุศลของหลินเตี่ยนฉวนซือ อุทิศไปให้เจ้ากรรมนายเวรยินยอมหรือไม่ ? จุดพุทธะประทีปเริ่มพิธีสำนึกผิดบาป ให้สำนึกด้วยใจจริง สำนึกผิดพร้อมกราบ 5,000 กราบ
(แล้วเมตตาให้บุคลากรที่อยู่ในเหตุการณ์ทุกคนช่วยกราบด้วยเมื่อกราบถึง 2,900 กราบ เทพกวนอูก็ถอนทิพยญาณเสด็จกลับ พระอาจารย์จี้กงก็เสด็จมาเมตตาอีก เพื่อมาช่วยลูกศิษย์.........ในการต่อรองกับเจ้ากรรมนายเวรของคุณ อัจฉราทินแก้ว )
พระอาจารย์จี้กง : ไม่ต้องกลัว! ไม่ต้องกลัว! ในเมื่อติดหนีเขาก็ต้องใช้คืน พระอาจารย์จะเป็นประธานให้กับเจ้า บัดนี้หนี้กรรมตามทวงกระชั้นชิด ธรรมะจริงหนี้เวรกรรมก็ตามทวงเร็ว สิ่งที่สำคัญขอให้มีจิตสำนึกด้วยใจจริง เขาก็มีจิตใจถ้าหากเราทำผิดบาปไป เราสำนึกผิดด้วยความจริงใจตั้งใจสร้างบุญสร้างกุศลบรรลุปณิธาน จิตใจของเขาก็สามารถอ่อนลงได้ การสำนึกด้วยใจจริงจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ หนี้กรรมของแต่ละคนมีมากมาย ผู้อุทิศตนเพื่อธรรมก็เช่นกัน เจ้ากรรมนายเวรได้เข้าแถวเตรียมพร้อมที่จะมาทวงหนี้ มีป้ายรับคำบัญชามาทวงหนี้ แม้แต่ในพุทธสถานก็สามารถเข้ามาทวงหนี้ได้ เอาล่ะ! ในเมื่อติดหนี้ก็ต้องใช้คืน
(ขณะนี้ พระอาจารย์กำลังต่อรองกับเจ้ากรรมนายเวรภายใน 1 เดือนจะต้องพาคนรับธรรมะ 300 คน) พระอาจารย์ต่อรองกับเจ้ากรรมนายเวรว่า “คนในปัจจบันโปรดยาก”
“ สองเดือนโปรดคน 300 คน มีประชุมธรรมทุกครั้งให้ไปล้างห้องนำทุกห้อง อุทิศบุญกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรบุญกุศลของการปล่อยสัตว์อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร จะต้องไม่มีจิตกล่าวโทษนินทา ทุกเช้า - ค่ำต้องกราบเบื้องบนเมตตา1,000 กราบ ท่องบทสวดหมีเล่อ 3 จบ พิมพ์หนังสือธรรมะอุทิศบุญให้เจ้ากรรมนายเวร หากไม่มีบุญกุศลก็ยากที่จะต้านแรงกรรมได้ หากจิตใจศิษย์เกิดการกล่าวโทษนินทา ตรงนี้จะเป็นช่องทางให้เจ้ากรรมนายเวรเข้ามาทวงหนีได้ ”
ถึงแม้วิญญาณเจ้ากรรมนายเวรดวงนี้ เขายอมลดละแต่ยังมีอีกหลายดวงวิญญาณที่คอยตามทวง เอาล่ะขอให้ตั้งใจสร้างบุญบรรลุปณิธาน อาจารย์อยู่เคียงข้างกายเจ้าอยู่เสมอ ไม่ต้องกลัว สร้างบุญ สำนึกผิด เบื้องบนเมตตาช่วยเหลือ
( ถอนทิพยญาณ)
ข้อต่อรองทั้งหมดมี 6 ข้อ
1 ภายใน 2 เดือนจะต้องโปรดคน 300 คน
2. จะต้องพิมพ์หนังสือธรรมะ จำนวน 5,000 เล่ม
3. จะต้องล้างห้องน้ำเวลามีการประชุมธรรมทุกชั้น
4. จะต้องอุทิศตนเพื่อธรรมตลอดชีวิต
5. ใช้จิต “สำนึกคุณ”ไม่ใช้จิตกล่าวโทษไม่นินทา
6. เช้าเย็นจะต้องสวดหมีเล่อเจินจิง 3 รอบ กราบพระ1,000 กราบ
ถึงแม้พระอาจารย์และพระเทพกวนอู จะเสด็จมาเมตตาไกล่เกลี่ยต่อรองให้แล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้อาการของคุณอัจฉราดีขึ้นมาได้ยังคงต้องเข้าๆ ออกๆโรงพยาบาลอยู่เหมือนเดิม จนกระทั่งวันที่ 15 มือนายน ที่พุทธสถานเมี่ยวซิน จังหวัดเชียงใหม่ เปิดประชุมชั้นพุทธบริกร
“พระเทพกวนอู” ก็เสด็จมาเมตตาอีกครั้ง
เทพวินัยธรกวนอูประทับญาณ
นำพาดวงวิญญาณของนางเย่เซียงหลาน
ณ พุทธสถานเมี่ยวซิน ในวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2546
ชั้นพุทธบริกร
เทพกวนอู : หกหมื่นกว่าปีสะสางบัญชีครั้งยิ่งใหญ่เจ้ากรรมนายเวรได้รับบัญชาให้มาทวงหนี้ ไม่ใช่เบื้องบนไม่ยินดีไกล่เกลี่ย แต่เป็นเพราะวิญญาณเจ้ากรรมนายเวรเคียดแค้น ไม่ยอมที่จะลดละ พระพุทธะอริยเจ้าได้เพียงแต่เป็นผู้ไกล่เกลียเท่านั้น ไม่สามารถแบกรับหนี้กรรมแทนพวกเจ้า ติดหนี้เขาในที่สุดก็ต้องใช้คืน เบื้องบนเมตตานิรโทษกรรมทั้งสามภูมิพุทธบุตรที่มีบุญสัมพันธ์ ได้รับวิถีธรรมก้าวขึ้นฝั่งธรรม ไม่ต้องรับความทุกข์ในการเวียนว่าย ในเมื่อไม่ต้องเวียนวาย หนี้กรรมหกหมื่นกว่าปี จะต้องใช้คืนมั๊ย ? ใช้คืนอย่างไร ?สร้างบุญกุศลบรรลุปณิธานนำมาใช้คืน คืนเมื่อไหร่ ?กฎแห่งกรรมสามชาติชำระในชาติเดียว ต้องใช้คืนในชาตินี้นี่เป็นเพราะเบื้องบนเมตตานิรโทษกรรมทั้งสามภพภูมิให้พวกเจ้าได้มีหนทางที่สว่างแห่งการรู้แจ้ง ปฏิบัติงานของฟ้าเบื้องบนจะต้องสำนึกคุณ ต้องรู้จักถนอมบุญวาระในการสร้างบุญสร้างกุศลเจริญปณิธาน ต้องมีความกระตือรือร้น
(ไม่กลัวทำมาก แต่กลัวทำไม่เพียงพอ )
ขั้นตอนระหว่างการบำเพ็ญธรรมปฏิบัติธรรม เบื้องบนออกข้อสอบชัดเจน จุดประสงค์เพื่อ
1. เพื่อทดสอบใจแห่งธรรมของพวกเจ้า
2. ได้ลดละแรงกรรมของพวกเจ้า
“ไม่สบายหนักลดกรรมหนัก ไม่สบายเล็กน้อยลดกรรมเล็กน้อย ”
บางคนแรงกรรมหนัก บุญกุศลทำเพียงเล็กน้อย ก็
ต้องการให้เบื้องบนเมตตาตอบสนองสิ่งดีๆ เพราะว่าพวกเจ้า
หนี้กรรมหนัก ฉะนั้นผลของการตอบสนองจึงช้า อย่าสงสัยว่า
สิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นของปลอม อย่านึกว่าวิญญาณมองไม่เห็นแล้ว
คิดว่าไม่จริง ยังสร้างกรรมปากเพิ่มอีก ระวังนะ!
ผู้ที่มีหนี้กรรมหนักจะต้องมีความศรัทธา และมีความอดทน สร้างบุญสร้างกุศลบรรลุปณิธานหยุดไม่ได้ สำนึกคุณสำนึกบาปอย่าได้ขาด บุญกุศลต้องทำให้เพียงพอ และต้องทำให้เหนือกว่า ขอเพียงมีใจศรัทธาและความอดทน สามารถกล่อมเกลาเจ้ากรรมนายเวรให้เข้าใจ และให้อภัยได้แน่นอนข้ากวนอูจะไม่ให้เสียเวลานำวิญญาณเข้าสู่พุทธสถานทันที
วิญญาณเย่เซียงหลานอาศัยร่างสามคุณปรากฎ
ณ พุทธสถานเมี่ยวซิน จังหวัดเชียงใหม่
วิญญาณ : หลี่ซิ่งจื่อคืนชีวิตฉันมา!! หลี่ซิ่งจื่อคืนชีวิตฉันมา!! ฉันเจ็บปวดมาก หลี่ซิ่งจื่อคืนชีวิตฉันมา คืนชีวิตฉันมา เพราะเจ้า (จางเตี่ยนฉวนซือ ) เจ้าทำไมปกป้องเขา เจ้าทำไมปกป้องเขา ทำให้ฉันเข้าใกล้เขาไม่ได้ ฉันไม่ต้องการบุญกุศล ฉันจะเอาชีวิตเขา! ฉันจะเอาชีวิตเขา! ฉันได้ถือป้ายรับบัญชามาฉันได้ถือป้ายรับบัญชามา ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!เจ้ากรรมนายเวรของพวกเจ้าล้วนเข้าเเถวรออยู่มากมาย
ฉันเจ็บปวดมากฮือ...ฮือ... ฮือ...ฉันชื่อว่า เย่เซียงหลาน พุทธะรังสีสว่างมาก! เมื่อสมัยปลายราชวงศ์ชิง ฉันเป็นคนชาวจิ้นเจียงมณฑลฮกเกี้ยน เมื่อร้อยกว่าปีก่อนฉันกับหลี่ซิ่งจื่อ ( คุณอัจฉราในชาติก่อน ) เป็นคู่สะใภ้กัน หลี่ซิ่งจื่อเป็นสะใภ้คนโต ฉันเป็นสะใภ้คนรองหลี่ซิ่งจื่อ ไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้ เขาอิจฉาริษยาฉันมาก เพราะฉันได้ตั้งท้องแฝดชายหญิง เขาอิจฉากลัวว่าแม่สามีจะรักฉันมากกว่าเขากลัวว่าฉันจะแย่งตำแหน่งสะใภ้คนโต เขายิ่งกลัวว่า
ต่อไปเขาจะไม่ได้ส่วนแบ่งมรดก เพราะฉะนั้นผู้หญิงที่ใจร้ายจิตใจคับแคบคนนี้ ได้วางแผนจ้างคนมาทำร้ายฉันทำลายชื่อเสียงศักดิ์ศรีของฉันให้เปรอะเปื้อน ฮือ... ฮือ...เขาจ้างผู้ชายคนหนึ่ง มานอนร่วมเตียงกับฉัน ทำให้สามีฉันมาเห็น เขาจึงโกรธมาก ก็เลยเขียนใบหย่าขับไล่ฉันออกจากบ้าน ยังพูดอีกว่ารู้สึกเสียใจมาก ที่ได้แต่งงานกับผู้หญิงใจง่ายอย่างฉันฮือ..... ฮือ......คิดดูสิฉันเย่เซียงหลานกำเนิดในตระกูลที่มีการศึกษา รู้จักหลักธรรมคล้อยตาม 3 คุณธรรม 4 ของสตรีมาตั้งแต่เล็ก ฉันจะทำเรื่องที่น่าอับอายเช่นนี้ได้อย่างไร ?ฮือ...... ฉันไม่ยอม! ฉันไม่ยอม! ฉันไม่ยอม! ฉันตั้งท้องลูกแฝดชายหญิงแปดเดือน ฉันเสียใจมากเลยผูกคอตาย ฮือ.... ฮือ... แม้ฉันเป็นผีก็จะไม่ละเว้นเธอ หลี่ซิ่งจื่อ!!!
ชาตินี้ผู้หญิงที่ใจร้ายคนนั้น ปัจจุบันได้ป่วยเป็นโรคมะเร็งในลำไส้แล้ว ใครใช้ให้เขาเป็นคนจิตใจไม่ดี ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะผลตอบสนอง! ผลตอบสนอง! ฉันเป็นผีก็จะไม่ละเว้นเธอหลี่ซิ่งจื่อ พยายมเตือนให้ฉันยอมสันติ พระพุทธะจี้กงก็เตือนให้ฉันยอมสันติ พระโพธิ์สัตว์กวนอิมก็เตือนให้ฉันยอมสันติแต่ความแค้นของฉันยากที่จะลดละ ความแค้นของฉันยากที่จะลดละ ฮือ...... ฮือ......
พวกเจ้าลองคิดดูซิ หากว่าเป็นพวกเจ้า จะยอมให้เขาทำร้ายอย่างๆ เช่นนี้เรอะ ? ฉันแค้น.. ฉันแค้น..ฉันแค้นมาก..... พยายมอนุญาตให้ฉันถือป้ายบัญชามาทวงหนี้แต่ทำไมเจ้าต้องมาปกป้องเขา ออกไปเดี๋ยวนี้นะ
ฉันกลัวว่าหากเขามีบุญกุศล ต่อไปจะไม่มีโอกาสได้ทวงหนี้ อีกแล้ว ฮือ....... ฮือ.......
ชาติก่อนผู้หญิงที่จิตใจต่ำทรามคนนี้ สุดท้ายก็หนีไม่พ้นการถูกตำหนิ การตำหนิจากใจแห่งหิริโอตัปปะของตนเองไปปลงผมออกบวชเป็นชีที่อยู่ที่วัดแม่ชี สำนึกขอขมาความผิดบาปที่ได้กระทำ ผู้หญิงที่จิตใจต่ำทรามคนนี้ ยังรู้จักสำนึกผิดขอขมา ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฟ้าเบื้องบนมีตา ฟ้าเบื้องบนมีตา
มีวันหนึ่งเขาไปตักน้ำ ไม่ระวังตกลงไปในแม่น้ำ ชีวิตก็จบลง ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ผลตอบสนอง ผลตอบสนอง การที่เขามีจิตสำนึกผิดขอขมา จึงสามารถได้รับธรรมและได้รับความคุ้มครองปกป้องจากพระพุทธะจี้กง แต่ที่เขาติดหนี้ฉัน ฉันจะไม่ยอมยกโทษให้ ฮือ... ฮือ... เขาติดหนี้ชีวิตฉันไม่สามารถเลิกแล้วต่อกันไปได้ ลูกที่น่าสงสารของฉัน ฉันต้องตายหนึ่งศพ แต่สามชีวิตนะ! ลูกที่น่าสงสารของฉันยังไม่ทันได้มาเกิดก็ต้องตายเสียแล้ว ลูกที่น่าสงสารของฉัน!
พระพุทธะจี้กงรับปากจะเป็นประธานไกล่เกลีย ให้ฉันจะไปเกิดใหม่ ฉันไม่ต้องการร่อนเร่พเนจรอีกแล้ว ฉันคิดจะไปเกิดในครอบครัวของผู้บำเพ็ญธรรม ฉันจะไปเกิดใหม่ฉันต้องการมีกายสังขาร ฉันจะไปบำเพ็ญธรรมเอง ฉันจะไปเกิดใหม่ ฉันต้องการบุญกุศล พระพุทธะจี้กงรับปากว่าจะรีบช่วย ฉันทรมานมาก โอ๊ย...... ลูกที่น่าสงสารของฉัน..........
(วิญญาณออกจากร่าง)
วันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2546
คณะอาจารย์ถ่ายทอดธรรมและบุคลากร
( พร้อมด้วยคุณอัจฉรา ) ได้เดินทางไปทำพิธีรับวิถีธรรม ที่โรงเรียนโคกสำราญ อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์ มีผู้รับวิถีธรรมทั้งหมด 267 คน
วันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2546
ได้เดินทางไปทำพิธีรับวิถีธรรม ที่ตำบลเคียนซาอำเภออรัญคามวารี จังหวัดสุราษฏร์ธานี มีผู้รับวิถีธรรมทั้งหมด 17 คน ที่อาจารย์หลินเหมยเหม่ยเตี่ยนฉวนซือ ผู้รับผิดชอบอยู่ สถานธรรมหงจื้อ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ก็มีผู้รับวิถีธรรม 24 คน
รวมทั้ง 3 แห่ง มีผู้รับธรรมทั้งหมด 308 คน
ได้อุทิศส่วนกุศลทั้งหมดนี้ให้กับ ดวงวิญญาณเย่เซียงหลานตามที่ได้ตกลงกันไว้
แต่แล้วอาการเจ็บป่วยของคุณอัจฉรา ทินแก้วก็ยังไม่ดีขึ้น มีอาการอ่อนเพลียมาก แต่ก็มีความอดทนมาก หลังจากทำพิธีรับวิถีธรรมที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีเสร็จแล้ว ก็จะเดินทางเข้าจังหวัดกระบี่ ไปทำหน้าที่ล้างห้องน้ำ เพราะที่นั่นมีการจัดประชุมชั้นพุทธาภิเษก 3 วัน แต่สุขภาพอ่อนแอมาก มีอาการทั้งถ่ายและอาเจียร จึงต้องเข้าโรงพยาบาลให้น้ำเกลือที่นั่น เมื่ออาการดีขึ้นจึงได้เดินทางไปสถานธรรมหงหมิงจังหวัดกระบี่
วันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2546 เป็นวันที่ 2 ของการประชุมชั้นพุทธาภิเษก ที่สถานธรรมหงหมิง จังหวัดกระบี่ขณะเวลายังเช้าอยู่ ยังมิทันได้เริ่มการประชุม คุณอัจฉรากำลังก้าวเท้าเข้าสู่ประตู ดวงวิญญาณเย่เซียงหลาน ก็เข้ามายังพุทธสถานทันที
วิญญาณเย่เซียงหลาน : หลีเซิ่งจื่อ หลีซิงจื่อฮือ... หลี่ซิ่งจื่อ!..( เป็นชื่อคุณอัจฉราในอดีตชาตินั่นเอง ) เธอยังจำฉันได้ไหม?ฮือ....เธอยังจำฉันได้ไหม ฮือ.....เธอจำฉันไม่ได้หรือ? เธอลืมฉันได้ไง ฉันถูกเธอทำร้าย ฉันคือ เย่เซียงหลาน ที่ถูกเธอทำร้ายเธอลืมได้ไง เธอมานี่ เธอมานี่
( วิญญาณเรียกเธอ เธอก็มาคุกเข่าตรงหน้าของวิญญาณขอให้อโหสิ ให้อภัยกับความไม่รู้ของเธอในอดีตชาติ เธอขอสำนึกผิดที่ได้ทำร้ายเย่เซียงหลาน)ฉันขอถามเธอ ฉันเคารพเธอเหมือนพี่สาว เธอทำไมต้องทำร้ายฉัน เธอพูดซิทำไมเธอต้องทำร้ายฉัน จริงๆ แล้วฉันไม่มีความโกรธแค้น ไม่ได้เป็นศัตรูกับเธอ ฉันนับถือเธอเป็นพี่สาวใหญ่เธอทำไมต้องทำร้ายฉัน ยังมีหลานของเธอที่น่าสงสาร ฉันขอเพียงอยากถามเธอ เธอยังจำได้ไหม ? เธอลืมได้อย่างไร.........เธอโหดร้ายกับฉัน เธอรู้ไหมว่าฉันทุกข์ทรมาน เธอทุกข์กว่าฉันไหม ? ฉันถูกเธอทำร้าย แต่เธอทุกข์นิดเดียว เปรียบกับฉันแล้วความทุกข์ของเธอก็ยังน้อยกว่าฉัน พระพุทธะจี้กงได้พูดธรรมะให้ฉันฟัง พระโพธิ์สัตว์กวนอิมก็พูดธรรมะให้ฉันฟังที่จริงความแค้นของฉันอ่อนลงไปมากแล้ว บุญกุศลที่พวกเจ้าทำ ฉันก็ได้รับอยู่เรื่อยๆ ทีละนิดทีละหน่อย ฉันไม่ใช่เป็นผู้ที่ไม่มีเหตุผล แต่พี่ค่ะ ฉันอิจฉาเธอ เธอสามารถได้รับวิถีธรรมมีพระพุทธะจี้กงคอยปกป้องเธอ มีบารมีธรรมที่ยิ่งใหญ่ คอยประกันเธอ ยังมีญาติธรรมอีกมากมายคอยช่วยเหลือเธอ ไม่เหมือนกับฉันไม่รู้จะพเนจรไปถึงไหน อนาคตของฉันมืดมนฉันอิจฉาพี่ พี่ต้องตั้งใจบำเพ็ญนะ จะได้ไม่ผิดต่อบุคคลมากมายที่ช่วยเหลือเธอ เธอต้องไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังนะ เมื่อฉันได้บุญกุศลเพียงพอ ฉันจะไปเกิดใหม่ พี่คะฉันเป็นคนมีเหตุผล พี่อย่าลืมฉันนะ เธอสร้างบุญกุศลมากเท่าไหร่ก็สามารถ ได้ลดความเจ็บปวดลงเท่านั้น เธอรับปากใคร ทำอะไร ต้องทำให้ได้ ฉันจะกลับไปแล้ว เจ้ากรรมนายเวรรายอื่นๆ ฉันจะช่วยพูดให้ เพราะเธอเป็นพี่สะใภ้ฉัน ความแค้นของฉันเบาบางลงมากแล้ว แต่เธออย่าลืมต้องสร้างบุญกุศลนะ( ถอนทิพยญาณ )
หลี่ซิ่งจื่อในอดีตชาติ ก็คือ คุณอัจฉรา ทินแก้วหรือคุณก้อย ( มีชื่อจีนว่าหลินเหม่ยฟ่ง )หลังจากเหตุการณ์ทวงหนี้ ได้ไกล่เกลี่ยเรียบร้อยลง คุณอัจฉราก็มีความตั้งใจจะบำเพ็ญธรรม ยินดีสร้างบุญกุศลอุทิศให้ดวงวิญญูาณ เย่เซียงหลาน เพื่อให้เขาได้ไปเกิดใหม่ พ้นจากความทุกข์ทรมาน ขณะนี้อาการป่วย ของคุณอัจฉราเริ่มดีขึ้นความเจ็บปวดก็ทุเลาลง
เหตุการณ์ทั้งหมดเป็นอุทาหรณ์เตือนใจ อย่าได้สร้างเหตุแห่งกรรม ผลตอบสนองแน่นอน เช่นเดียวกับหลี่ซิ่งจื่อในอดีต หรือคุณก้อยคุณ อัจฉรา ทินแก้ว ในปัจจุบันเหตุการณ์ทั้งหมด ในหนังสือเล่มนี้ หวังเป็นอุทาหรณ์เตือนใจ ชาวโลกอย่าได้มีจิตคิดสร้างเหตุแห่งกรรม ให้กับตนเอง มิเช่นนั้นก็จะมีผลตอบสนองให้ชดใช้อย่างแน่นอนไม่สามารถที่จะหลบหลีกหรือหลีกเลี่ยงได้ เมื่อผลตอบสนอง
บุญกรรมทำไปล้วนไร้รูปลักษณ์มองไม่เห็น แต่มีพลานุภาพที่จะเห็นเป็นผลตอบสนองในปัจจุบันหรืออนาคตแน่นอนเช่นเดียวกับคุณอัจฉราในปัจจุบันซึ่งเป็นเหตุ ให้ประจักษ์แจ้งถึงต้นเหตุผลกรรม
“เจอทุกข์ก็จะเจอธรรม
หากเธอแต่สุข
ก็มิอาจเจอธรรมได้
เพราะฉะนั้นเราเกิดมา
เราจะต้องถูกเคี่ยวกรำ
จะต้องเจอขวากหนาม
อุปสรรคทั้งหลายมาเคี่ยวกรำ
ให้ตัวเราได้เจอพระธรรม
ได้เปิดปัญญา
ได้เป็นบุคคลที่ชื่อว่า
รู้แจ้งในพระธรรม”
พระโอวาท พระอาจารย์จี้กง