ยกตัวอย่าง เช่น บุตรชายต้องตายจาก หรือคนที่มีรูปร่างอัปลักษณ์ เตี้ย โง่เขลามาแต่กำเนิด ซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ใช่ไหม? (ไม่สามารถ) จะโทษฟ้า โทษคนก็ไม่สามารถให้กลับฟื้นคืนชีวิตมาได้ ดังนั้น เจ้าต้องเข้าใจว่า นี้เป็นแรงกรรม และเป็นความจริงที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ เจ้าอย่าไปโทษฟ้าโทษคน จะต้องยอมรับความจริงข้อนี้ เจ้าต้องคิด วันนี้เขาจากเราไปแล้วเราไม่ต้องหนักใจ กังวลแทนเขา ไม่ต้องช่วยเลี้ยงลูกให้เขา เจ้าก็หลุดพ้นเหมือนกัน เจ้าจะพูดว่า เราไม่ต้องไปหนักใจ กังวล แทนเขาทุกๆวัน เขาอาจจะไปแล้ว กลับไปเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมที่ดีกว่า เจ้าจะต้องคิดไปในทางที่ดี คนรูปร่างเตี้ย เล็กเจ้าต้องคิดว่านี่เป็นวาสนา ถึงแม้จะเตี้ยก็น่ารัก ผู้หญิงมีรูปร่างอัปลักษณ์ หนังตาชั้นเดียวก็
มีเสน่ห์เช่นกัน ทำไมต้องไปผ่าตัดเสริมหนังตาสองชั้น ทำไมจึงต้องไปดึงหนังให้ตึง ทำไมจึงต้องไปใช้เครื่องดึงตัวให้สูง เราต้องยอมรับชะตากรรม ไม่ต้องไปเเสวงหาสิ่งภายนอก ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งไร้สาระทั้งนั้น
คนเราล้วนใช้อายตนะสัมผัส อันเกิดทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไปวิพากย์วิจารณ์คนอื่น ชีวิตคนเรานี่ เป็นข้อผิดพลาด เจ้าได้กินดีก็วาสนาดี ลูกสาวได้แต่งงานไปอยู่บ้านคนรวยก็บอกว่า วาสนาดี ไม่แน่นอนเสมอไป แต่งงานไปอยู่บ้านคนรวยทะเลาะกันทุกวัน คนรวยมีสถิติหย่าร้างกันสูงมาก วาสนาดีไหม? ไม่แน่ ดังนั้น ภายในสวยงามจึงสำคัญกว่า ผู้ที่ยังไม่ได้แต่งงานจะหาคู่ครองในวันข้างหน้า หน้าตาพอไปวัดไปวาได้ก็พอแล้ว ภายในมีขันติธรรมสำคัญที่สุด สามารถร่วมสุขร่วมทุกข์กับเจ้าได้นั่นแหละ สำคัญที่สุด ก้าวตามกันได้ เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน หากยังไม่ได้รับธรรมะ ก็พยายามหาวิธีนำพาเขามารับธรรมะ ทีหลังจะได้บำเพ็ญธรรมด้วยกัน จะได้ไม่ต้อง คนหนึ่งกินเจ อีกคนหนึ่งไม่กินเจ คนหนึ่งเข้าประตู คนหนึ่งออกประตู ถ้าอย่างนั้นก็จะยุ่งยาก พวกเจ้าทั้งหลาย ในปัจจุบันเจ้าต้องเตรียมตัวเตรียมใจเพื่อความผาสุกของตัวเอง
การบำเพ็ญธรรมะในยุคนี้ อาจารย์ว่าทุกบ้านเป็นอารามพระศรีอาริย ทุกคนมีใจเป็นแดนวิสุทธิ์ เวไนยมากมายเช่นนี้ พวกเจ้าแต่ละคนสร้างสรรค์ครอบครัว บำเพ็ญธรรมดีที่สุด อาจารย์ไม่เรียกร้องพวกเจ้าเป็น หวัง เหล่า อู่ (หวังเหล่าอู่ เป็นคนหลักลอย มีชีวิตอยู่ไม่คิดประกอบอาชีพเป็นหลักแหล่ง วันๆเข้าบ้านโน้นทีออกบ้านนี้ที เอาคนบ้านนี้ไปนินทาบ้านโน้น เอาเรื่องราวของคนบ้านโน้นมานินทาบ้านนี้ที) ตลอดชีวิต เนื่องจากมีเรื่องราวมากมาย ไม่สามารถบุกทะลวงไปได้ ยังไม่สำเร็จเป็นพระโพธิสัตว์ จึงมีความเป็นปุถุชน เพราะฉะนั้นทุกอย่างให้เป็นไปตามเหตุบุญกรรมก็แล้วกัน ไม่มีเหตุแห่งบุญสัมพันธ์ก็อย่าไปฝืนสร้างมัน และก็อย่าไปปฏิเสธมัน ทุกอย่างล้วนให้มันเป็นไปตามเหตุแห่งบุญกรรมสัมพันธ์ อย่างนี้จึงจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่นคงแน่นอน พวกเจ้าสร้างสรรค์จิตใจกันไว้ อนาคตจะได้รับปทานุกรมการหาคู่ที่ไร้รูปลักษณ์เล่มหนึ่ง สร้างสรรค์ครอบครัวบำเพ็ญธรรม ทุกคนบำเพ็ญธรรมในบ้าน รวบรวมพลังของเจ้าไปช่วยเวไนยให้มากๆ จากครอบครัวหนึ่งไปฉุดช่วยอีกครอบครัวหนึ่ง จะมิยิ่งดีหรือ? พวกเจ้ามีมหาปณิธานของมหาโพธิสัตว์ก็ยิ่งดี หากไม่มี บำเพ็ญมนุษยธรรมก็สำเร็จได้เหมือนกัน ธรรมะก็สร้างจากครัวเรือนในโลกียวิสัย พุทธะก็สำเร็จจากครอบครัวแห่งโลกียวิสัยนี้เอง ไม่ใช่ตัดทิ้งหมดทุกอย่าง แน่นอน หากเจ้าเสียสละยิ่งมาก ผลลัพธ์ก็ยิ่งมาก เพราะฉะนั้น หากมีการเสียสละอย่างพิเศษ ก็จะได้รับผลเป็นพิเศษ นี่เป็นภาระหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา อาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรม ไม่ใช่ทุกคนจะเสียสละอุทิศได้เช่นนี้ เพราะฉะนั้น คนเราขอให้สบายใจตั้งมั่นในชีวิตก็แล้วกัน ไม่ฝืนหาเหตุแห่งบุญสัมพันธ์ และก็ไม่ปฏิเสธชะตากรรม เข้าใจไหม?