ตอน รังนกบ้านกลางหาว ไม่อุ้มฝน
บทธรรมนี้เป็นสนทนาธรรมระหว่างธรรมาจารย์เซ็นรังนกกับบรรพาจารย์ตั๊กม้อ
บทกลอน :
ธรรมปลูกเหตุปัจจัยได้ที่เกิด
ป่ารกไร้ทางเดินได้อย่างไร
ดงดิบแสงถูกบังด้วยขจีไม้
สำเร็จได้เพียงหนึ่งจุดรู้ใจจริง
ตั๊กม้อ : อาจารย์เซ็นรังนก คืนนี้ไม่กลับรังหรือ
รังนก : รังนกบ้านพังแล้ว จะกลับไปที่ไหน (ขณะฟ้าดินแตกดับเธอกลับไปที่ไหน)
ตั๊กม้อ : รังใจตนเองไม่ผุสลาย อยู่ได้สบาย รังหญ้าไม้ไม่ทนลมฝน พอมันจะพัง ตอนนั้นก็สร้างมันขึ้นมาใหม่ มันไม่คุ้มค่าเลย
รังนก : อาจารย์ตั๊กม้อพูดถูก ชาวโลกยอมรับว่ากายนี้เป็น“ฉัน”ใช่ไหม “มัน” มอบสิทธิให้เธออาศัยไม่กี่สิบปีก็จะไล่ “เธอ”ไป
ตั๊กม้อ : ชาวโลกจงอย่าได้ลำพอง ทึกทักว่ารังนี้ให้อาศัยอยู่เปล่าๆ มันให้เธอเช่าอยู่ชั่วคราวเท่านั้นแหละ!
รังนก : ใช่แล้ว! ชาวโลกทึกทักเอารังปลอมเป็นตัวฉัน ใช้จ่ายเงินไปไม่ใช่น้อย ทั้งกิน แต่งตัว เวลาป่วยก็ต้องวุ่นวายกับ“ มัน”น่าจะพูดได้ว่าต้องจ่ายค่าเช่าทุกวัน สามมื้อไม่ขาด “ห้างตน” ห้างตนห้างนี้ก็คืน “ธนาคารของตน” เธอกู้ยืมเงินมันมาเพื่อดำรงชีพใช่ไหม ! ทุกวันจึงต้องคืนต้นดอก มันจึงเป็น “บ้านราคาแพงที่สุดเพราะฉะนั้นจึงพูดกันว่า “กายคนนี้ได้มายาก”นะ !
ตั๊กม้อ : อาจารย์พูดถูกพูดได้ดี ท่านมองทะลุได้หลายจุดเลยทีเดียว (แบ่งแยกจริงปลอม มีจิตเป็นเจ้านาย มีกายเป็นบ่วง) เพราะฉะนั้นจึงไม่หลงใหลในรังเก่า จึงดีดพ้นรังเล็กๆ อันนี้ได้ บินขึ้นได้อย่าเสรี มีทิศทั้งสี่เป็นบ้าน ไม่ต้องจ่ายค่าเช่าอีก
รังนก : ฮาฮา ! ชาวโลกเอ๋ย พวกเธอต้องจ่ายค่าเช่าทุกวันคุ้มค่าไหม วันนี้อาตมาจะมาสอนวิธีพวกเธอไม่ต้องจ่ายค่าเช่า เริ่มต้นจากวันนี้ จากวันนี้ก็เอาตัว“ เธอ” “พาออกใป”ใช่ให้มันหาเงินให้กับเธอ ไม่เพียงได้อยู่บ้านฟรีๆ ยังได้ประโยชน์จากมัน ให้ “เธอ” ช่วยหาอริยทรัพย์ให้
ตั๊กม้อ : อาจารย์ช่างมีวิธีที่แยบคายด้วย ! ชาวโลกจงอย่าได้เหน็ดเหนื่อยตรากตรำเพื่อ “กายปลอม”นี้ หมดเงินแล้วยังสร้างบาปอีก จากนี้ไปต้องให้กายปลอมนี้สร้างบุญกุศลให้กับเธอ สอนให้ “ขามันเดินไปที่พุทธสถานเดินบนแดนศักดิ์สัทธิ์ สอนให้ “มือ” มันเปิดหนังสือธรรมะออกอ่าน ให้มันจูงผู้เฒ่าชรา ไม่ให้มือมันจับต้องส่งเดชสอนให้ “ปากมันพูดแต่สิ่งดีๆไม่ให้พูดจาไร้เหตุผลพูดเสียหายสอนให้“ตา” มันดูหนังสือธรรมะ ดูการทำงาน ไม่ให้ดูส่งเดช ให้เจ้าตัว “ฉันจอมปลอม” แปลงเป็น“ ฉันแท้จริง” ให้คนอันธพาลเป็นสุภาพบุรุษถึงแม้เธอจะต้องจ่ายค่าเช่า ก็ไม่เสียค่าเช่าเปล่าๆ (เดือนหนึ่งจ่ายไปห้าพันบาท หาเงินมาได้ห้าหมื่น) สำหรับคนที่จิตดีงามมีความรับผิดชอบ ไม่ใช่แค่อาศัยอยู่ในบ้านแล้วจ่ายค่าเช่าเท่านั้นเมื่อภายในบ้านสกปรก“ คิดฟุ้งซ่าน” ก็ต้องเก็บกวาดให้สะอาด บ้านชำรุดก็รู้จักซ่อมแซม ชาวบ้านเอ๋ย บ้านจอมปลอมของเธอชำรุดเสียแล้ว สกปรกแล้ว ถ้าไม่รู้จักซ่อมแซม ไม่รู้จักทำความสะอาด ก็เป็นการทำร้าย“ สัตบุรุษ” คนจริงที่อยู่ภายในต้องเจ็บปวดหรือได้รับอันตราย ก็เท่ากับทำร้ายคนไม่น้อยเลย !
รังนก : เราลงไปที่พื้นดินข้างล่างกันเถอะ !
ตั๊กม้อ : ข้างหน้าของพุทธสถานมีลานว่าง มีคนเอาเมล็ด
ปลูกลงไปในดินที่ขึ้นก็เก็บเกี่ยวได้ แต่บางเมล็ดที่ปลูกลงไปแล้วไม่ขึ้น
ไม่งอกต้นอ่อนขึ้นมาเลยเล่า
รังนก : อาตมาเขี่ยดินออกดูให้เห็นชัดๆ ฮาฮา ! เมล็ดเม็ดนี้
เรียกว่ามันไม่ตอบรับ มันไม่แตกหน่อออก น่าแปลกใจยิ่งนัก
ตั๊กม้อ : เดี๋ยวอาตมาใช้ตาธรรมดู ที่แท้มันคือ เมล็ดที่ “ไม่เกิดไม่ดับ”เพราะมันรู้แล้ว ถ้ามันแตกหน่อออกไม่นานนัก มันก็จะถูกกินจึงยอมที่จะไม่เกิด มันจะไม่ดับ ชาวโลกเอ๋ย เมื่อพวกเธอเกิดมาสู่โลกนี้แล้ว วันข้างหน้าพวกเธอก็ต้องดับจากโลกนี้ไป สู้การมาที่ไม่เกิดไม่ดับดีไหม มี “ฉัน” อยู่ แต่ไม่เกิดเป็น “เธอ” มา อย่างนี้ก็ไม่ต้องพบกับการหมุนเวียน ไม่มีวัฏสงสาร แต่จะมีใครสักกี่คนที่ทนต่อการไม่ออกได้ รักษาตนไม่ลืม เมื่อเมล็ดนี้ไม่แตกออกมา มันยังคงอยู่ข้างในไม่ลืมตน รักษาหน้าตาของตนไว้ (ไม่งอกออกมา) ชาวโลกก็เก็บมันไม่ได้ เหตุปัจจัยทางโลกขาดตอนลง แดนอริยะก็เข้าถึงได้
รังนก : เมื่อนกไม่ออกไข่ ลูกหลานจะมาจากไหน ถ้าออกไข่ก็ไม่พ้นไปจากรัง (ต้องค่อยกกไข่เลี้ยงดูลูก)ถ้าไม่ออกไข่ทะเลกว้างสุดขอบฟ้า ก็บินไปได้สะดวก จะไปอยู่ที่ไหนก็ได้ แต่เมื่อออกไข่แล้วเมล็ดแห่งวัฏฏสงสารก็เกิดขื้น ก็ต้องไปทำหน้าที่ตามฟ้าประทานเลี้ยงดูลูกหลานแล้วนำพาพวกเขาเดินสู่ฟ้าให้ดีๆ การออกไข่เช่นนี้ก็ไม่เป็นไร
โศลกว่า :
ด้วยสาเหตุแห่งปัจจัยเกิด จึงต้องดูแลจนสำเร็จ
ไม่เอาเยื่อใยนี้ตัดขาด ลูกลูกก็ตามมาเกิด
โลกนี้หลุดพ้นได้ยาก ล้วนจากไม่หมดเยื่อใย
ทะเลใครพ้นระลอกคลื่น ตีกระทบคลื่นน่ากลัวนัก
ยานเมตตากวนอิมปรากฏ โปรดคนขึ้นสู่ฝั่ง
สรรสิ่งรากเง้าเดียวกัน ทั้งคนนกหวังมีชีวิต
เข้าถึงธรรมไม่มีก่อนหลัง หนึ่งตรัสรู้แววเสียงใจ
ไร้รังกลางหาวอาศัยอยู่ คืนตนประจักษ์มหายาน
ตั๊กม้อ : อาจารย์อ่านโศลกนี้ มีความหมายลึกล้ำมาก ชาวโลกฝึกเรึยนพุทธธรรมบำเพ็ญเพียรหากปล่อยวางลงได้เห็นทะลุเหมือนรังนกที่ไม่อุ้มฝนจึงเป็น“บ้านสุญญตา”นั่นคือ “รังนกบ้านกลางหนาวไม่อุ้มฝน”ชาวโลกเอ๋ย “ห้องหอใจ”บ่วมเป่งหรือใส่หินจมเต็มทับอกจนหายใจไม่ออก เพราะถูกหินทับเอาถึง “โง่งม” จบแล้ว!